การขอ Recommendation จากคุณครู

การสมัครมหาวิทยาลัยต่างประเทศ นอกจากจะใช้คะแนนที่เรามี ไม่ว่าจะเป็น GPA SAT Toefl แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คาดไม่ได้ก็คือ จดหมายของอาจารย์ หรือที่เราเรียกว่า Letter of Recommendation

จดหมายนี้จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1. จดหมายจากที่ปรึกษา หรือ Advisor เป็นส่วนที่ต้องเขียนมากที่สุด แบบ Form จะยาวมากถึง 3 หน้าเลยทีเดียว เพราะอาจารย์ต้องรายงานความประพฤติ ต้องเขียนเกรดของเราและยังต้องส่ง Transcript อีกด้วย

ตัวอย่างแบบฟอร์มของอาจารย์ที่ปรึกษา

https://www.commonapp.org/CommonApp/Docs/DownloadForms/2012/2012SchoolReport_download.pdf

ซึ่งจากแบบฟอร์มข้างบนจะเห็นได้ว่า นอกจากอาจารย์ต้องเลือกติกตามช่องต่างๆแล้ว ยังต้องเขียนคล้ายๆเรียงความ รายงานความประพฤติเราอีกด้วย

2. จดหมายจากอาจารย์ประจำวิชา

จะใช้คนละแบบฟอร์มกัน แต่เนื้อในคล้ายกัน เพียงแต่ของอาจารย์ประจำวิชาจะต้องกรอกข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งเราก็ควรเลือกอาจารย์ที่เราสนิท มั่นใจว่าจะเขียนให้เราในแง่ ++ (อาจารย์ไทยส่วนใหญ่เขียนให้ + หมด เพราะใช้แบบฟอร์มอันเดียวกัน55+) แล้วถ้าทำได้ก็ควรเป็นวิชาที่เราจะไปเรียนต่อ

เช่นจะไปเรียนทางสายวิศวะ อาจารย์อาจเป็นครูเลขหรือฟิสิกส์สักคน แล้วก็ภาษาอังกฤษอีกคน

ส่วนของเรา เราให้ครูอังกฤษเขียนกับครูสอนภาษาเยอรมันเขียน ซึ่งอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ ควรเลือกอาจารย์ที่สอนเรามานาน อย่างอาจารย์เยอรมัน เรารู้จักมา 3 ปีแล้ว ก็จะทำให้ดูนาเชื่อถือมากขึ้น


ตัวอย่างแบบฟอร์มอาจารย์

https://www.commonapp.org/CommonApp/Docs/DownloadForms/2012/2012TeacherEval1_download.pdf

ซึ่งจุดหมายหลักของ Letter of Recommendation ก็คือ เพื่อให้มหาวิทยาลัยรู้ว่าเด็กคนนี้ มีความสามารถที่จะเรียนในห้องเรียนได้มากแค่ไหน รับผิดชอบไหม มีศักยภาพพอไหม มีความสนใจในเรื่องเรียนหรือไม่ เป็นต้น

เรื่องแบบฟอร์ม แต่ละมหาิวิทยาลัยจะมีแบบฟอร์มที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยทางอเมริกาที่สมัครผ่าน CommonApp จะใช้แบบฟอร์มที่เอามาให้ดูด้านบ่น แต่ถ้าเป็นมหาิวิทยาลัยที่รับเอง (สมัครผ่านเว็บมหาวิทยาลัย) ก็จะใช้แบบฟอร์มของเขาเอง

แต่ถ้าที่ไหน บอกเพียงว่าขอจดหมายรับรอง แต่ไม่ได้มีแบบฟอร์มให้ ก็ให้อาจารย์เขียนเป็นลักษณะเชิงจดหมาย จ่าหน้าถึง Admission Office และเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับตัวเราค่ะ

วิธีการขอจดหมายจากอาจารย์

1.กรอก Online ง่าย แต่อาจารย์ไทยไม่ค่อยนิยม

2.กรอกทางไปรษณีย์

2. วิธีการส่ง Letter of recommendation ทางไปรษณีย์ก็คือ เราปริ๊นต์แบบฟอร์มจดหมายมาใส่กระดาษ เขียนเชื่อเราตรงช่องด้านบน จากนั้นเอาไปยื่นให้อาจารย์ผู้สอนพร้อมซองจดหมาย ซึ่งอาจารย์จะต้องเซ็นปิดซองด้วย

จริงๆแล้ว มหาวิทยาลัยเขาต้องการเราไม่ได้อ่านเนื้อใน แต่อาจารย์ส่วนมากก็อาจเรียกเราไปอ่านก่อน หรือไม่ก้ ยื่นมาให้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ใส่ในซองนั่นแหละ

สิ่งที่สำคัญมากๆๆๆ มี 2 ข้อคือ

1.ให้อาจารย์เซ็นปิด ผนึกซอง ต้องเซ็น ไม่เช่นนั้นถือว่าไม่ได้เป็นจดหมายอย่างเป็นทางการเลย

  1. เกือบทุกฟอร์มจะมีให้เลือกว่า Do you want to waive you right to access…….

ความหมายคือ คุณต้องการ Waive สิทธิ์ที่จะอ่านจดหมายหรือไม่ คำตอบคือ ต้องเลือก YES เท่านั้น ถ้าเลือก No มหาวิทยาลัยอาจคิดวาเราเอาไปอ่านแล้วก็แก้เนื้อในจดหมายเป็นต้น

ตอนหน้ามาพบกับการเขียน Essay สมัครมหาวิทยาลัย ซึ่งคาดว่าเนื้อหาคงยาวมากกกก อาจแตกเป็น 2 Part เพราะ Essay เป้นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งในการคัดเลือก และที่สำคัญเป็นส่วนที่เราต้องรับผิดชอบ เขียนเอง 100 เปอร์เซนต์

คาดว่าน่าจะมาพูดเกี่ยวกับ Essay ไม่ภายในวันพฤนี้ ก็ต้องข้ามไปอาทิตย์หน้าเลย เพราะเราจะหนีไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น ^_^

Advertisement

11 thoughts on “การขอ Recommendation จากคุณครู

  1. ขอบคุณ คุณเพรฟ มากเลยค่า
    กำลังหาข้อมูลอยู่พอดีเลย
    อ่านบล๊อกของคุณเพรฟแล้ว อยากจะบอกว่าเพลินมากค่ะ
    ถ้าให้เลือกแรงบันดาลใจคุณเพรฟคงเป็นหนึ่งในนั้นของเราด้วย :))
    เราชื่อมายด์ค่ะ เรียนอยู่ชั้น ม.6 กำลังจะไปต่อป.ตรีที่ฝรั่งเศสปีหน้า
    บล๊อกของคุณเพรฟเป็นแหล่งข้อมูลที่แน่นมากๆเลย ตอบได้ทุกกระบวนการของการเตรียมตัว

    ปล. ตอนนี้คุณเพรฟอายุเท่าไหร่แล้วคะ?? ดึเป็นคนแบบ…เราอธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าคุณจัดการชีวิตได้ดีมาก ต่อไปจะมุ่งมั่นอย่างคุณค่ะ 🙂
    ปล.2 คุณเพรฟเรียนอยู่ที่ไหนคะตอนนี้?? เกาหลี/ usa?? ป.ตรีเหรอคะ?
    ปล.3 ขอผูกมิตรด้วยคนค่ะ คนสร้างแรงบันดาลใจแบบคุณให้คนอื่นได้น่านับถือ
    ปล.4 จากที่อ่านๆมา ถ้าคุณอายุ 18 เท่าเรา แต่ดูเหมือนว่าเวลาเขียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เหมือนว่าคุณน่าจะอยู่ขั้นเทพ!!!

    ตบท้าย เขียนดีอย่างนี้รวมเล่มได้เลยนะเนี่ย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :))

    1. ชมซะเขินละนะเนี่ย >_<
      เราอายุ 18 ค่ะ จริงๆ ควรจะอยู่ปี 1 ที่เมกาแต่ Gap Year อยู่ปีนึงค่ะ ภาษาอังกฤษยังไม่เทพหรอกค่ะ ต้องฝึกอีกเยอะ T_T
      ยินดีที่ได้รู้จักมากๆ ค่ะ ^_^

      1. :))
        ขอเรียกว่าเพรฟนะคะ อายุเท่ากันอ่าจ้า
        แล้วตอนนี้เพรฟจัดการเรื่องไปเรียนต่อที่อเมริกาเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วเหรอ
        จัดการด้วยตัวเองทั้งหมดเลยไหม??
        ถ้าใช่ก็สุดยอดมากๆเลย ขนาดเราจะไปฝรั่งเศสยังให้เอเจนซี่ช่วยหลายๆเรื่องเลยอ่ะ
        แล้วเพรฟคิดจะไปต่ออเมริกาตั้งแต่ม.ไหนอ่า เห็นรู้ข้อมูลละเอียดมาก เหมือนว่าศึกษามานาน
        แล้วตอนนี้ทักษะภาษาอังกฤษอยู่ระดับอะไรแล้วเหรอ?? น่าจะสูง Advanced ไหม ต้องฝึกและอ่านหนักมากไหมคะกว่าจะขั้นเทพอย่างนี้

        ปล. เราชื่อมายด์เน้อ :))
        ปล.2 เพรฟพอจะมีวิธีไหม เรากังวลว่าปีหน้าถ้าไปต่อฝรั่งเศส ก็ต้องใช้แต่ภาษาฝรั่งเศส ตอนนี้เรารักภาษาอังกฤษมากและกลัวว่าจะลืมถ้าไม่ได้ใช้บ่อยๆ พวกสำเนียงด้วย กลัวจะตีกับฝรั่งเศสมากเลย
        ปล.3 เราเพิ่งเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศส เพราะจิงๆเราอยู่สายวิทย์ แล้วรู้สึกเดินผิดทาง อยากต่อรัฐศาสตร์ เลยจะไปเปิดโอกาสให้ตัวเองที่ฝรั่งเศส เราอ่านเจอว่าน้องเพรฟเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่ ฝึกนานไหมคะกว่าจะคล่อง เราจะไปเรียนภาษาก่อน 9 เดือนที่นู่นในปีหน้า แล้วปีพัดไปจะสมัครมหาวิทยาลัย แอบกลัวว่าทักษะจะไม่พอสำหรับสอบวัดระดับภาษาให้ผ่านเพื่อยื่นเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเราไม่เคยเรียนมาก่อน :))

      2. เรียบร้อยแล้วจ้ะ ยืนยันตอบรับ ตอนนี้ก็เป็นนักศึกษาของที่นั่นแล้ว (เหลือแค่ไปเรียน)

        ใช่ๆ เราจัดการด้วยตัวเองหมดเลย แต่อาจเป็นเพราะข้อมูลมันเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยพอไปได้ ถ้าไปฝรั่งเศสมันอาจยากกว่า เพราะภาษาเราก็ไม่ได้ ^_^
        เราเพิ่งจะตัดสินใจแบบฟันธงว่า “จะไปเมกา” ก็ตอนปิดเทอมมีนา ม.5 ขึ้น 6 แล้วก็เริ่มหาข้อมูลตั้งแต่ตรงนั้น คือเราไม่รู้ว่ามันมีเอเจนซี่ด้วย (แล้วเอเจนซี่ไหนดีอีก…ขี้เกียจหา เลยหาข้อมูลเองดีกว่า ^_^)
        แล้วเราก็ต้องหาข้อมูลเองหมดเลย ก็เลยเหมือนจะรู้เยอะ จริงๆ มันก็จะวุ่นวายก็แค่เออกสารเท่านั้นแหละ (คิดว่าฝรั่งเศสก็คงเหมือนกัน) แต่ระบบเขาเหมือนเดิมตลอดกาล << GAT-Pat บ้านเราปวดหัวกว่า 55+

        ภาษาอังกฤษระดับไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเหมือนเขาไม่แบ่งป่ะว่าอันนี้ Beginning/ Intermediate แต่ถ้าพวกภาษาอื่นเขาจะมีแบ่งกัน ก็เลยไม่รู้ว่าอยู่ไหน ฝึกก็ฝึกไปเรื่อยๆ ภาษามี 2 อย่าง คือ "อดทน และทุกวัน" ทุกวันก็ต้องบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เวลาเลือกรายการทีวีก็หารายการภาษาอังกฤษแล้วก็ฟังไม่อ่านซับ
        ภาษาเรารู้สึกว่ามันไม่มีคำว่า "เก่งที่สุด" แต่ต้องไปเรื่อยๆ แล้วมันจะดีขึ้นเอง

        เรื่องเสียงมันตีกันอยู่แล้ว (อ้าว) คือเราเรียนญี่ปุ่น (เกาหลีด้วย) ทุกวันนี้นอกจากมัน 2 อันจะตีกันตายแล้ว มันก็ลามมาถึงภาษาอังกฤษด้วย ถ้ากลัวสำเนียงแย่ ก็พยายามฟังภาษาอังกฤษใ้ห้เข้าหูเยอะๆ ช่วงไหนเรารู้สึกว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกๆ ก็ต้องเพิ่มฟังอังกฤษมากขึ้น

        น้องเราเก่งแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาเรียนศิลป์-ฝรั่งเศส แต่ในความรู้สึกเรา ถ้าอังกฤษเป๊ะฝรั่งเศสก็ไม่ยากมาก (เท่าภาษาอื่นๆ เช่นเยอรมัน TT) เพราะเขาเป็นรากของกันและกัน
        แต่เท่าที่เห็นน้อง ก็คือเขาท่องศัพท์เยอะมาก อย่างที่บอกว่าทุ่มเทสุดๆ อย่างเดียวเลย 9 เดือน สำหรับฝรั่งเศส เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง แต่ลองดู น่าจะได้แหละ

        ปีหน้าเราก็จะลองสอบวัดระัดับญี่ปุ่นเหมือนกัน (นอกเรื่อง) เรียนมาตอนนี้ก็ 6 เดือน เหลืออีก 6 เดือน << ก็หวังว่าจะทำได้ ^_^

      3. Gap year คืออะไรอ่า
        ทำไมเพรฟยังไปเรียนที่เมกาไม่ได้อ่า?
        โห เสียดายอ่ะ เราน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้ จะได้ไม่ต้องไปติดต่อเอเจนซี่ให้ยุ่งยากและจ่ายเงินเยอะขึ้น 😥
        เพรฟเก่งมากๆเลยอ่ะ
        แอบคล้ายเรา เราเรียนโรงเรียนรัฐมาตลอด ตอนม.ต้นโง่ Eng มากๆ เหอๆ
        เพิ่งจะเริ่มปฏิวัติตัวเองตอนม.3 แต่ก็คิดว่าคงไม่แม่นขนาดเพรฟ เพราะไม่ได้มุ่งมั่นขนาดเพรฟ

        ที่เพรฟจัดการเรื่องไปมกาเองนี่ ต้องออกค่าใช้จ่ายเยอะมากไหม? ค่าเทอมเท่าไหร่? แล้วเคยมีประสบการณ์ไปนอกมาบ้างหรือยัง
        ตอนม.ปลายเรียนสายอะไรเหรอ? ตอนแรกเราอ่านบล๊อกของเพรฟคิดว่าเรียนอยู่เกาหลีซะอีก 555

        อังกฤษแบ่งระดับอยู่นา ตอนเราไปซัมเมอร์ เขาก็มีแบ่งคร้าบ ของเราอยู่ระดับ upper intermediate อ่ะ เราคิดว่าเพรฟน่าจะ advanced
        แล้วคลาสของ AUA ที่เพรฟเรียน ยากมากไหม? อ่าน review แล้วมันดูเป็นทางการมากเลย เหอๆ

        ตอนนี้เพรฟจบม.ปลายแล้วใช่ไหม?

      4. Gap Year คือหยุดเรียน 1 ปีค่ะ ส่วนมากพวกฝรั่งเขาจะทำกันเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าสำหรับคนไทยมันก็จะฟังดูเป็นเรื่องที่แปลก (มากกก)
        จริงๆ ม.3 ทันนะ กว่าเราจะตั้งใจอังกฤษจริงๆ ก็ตอนจะขึ้น ม.5 นู่น สมุย ม.4 ยังอ่านหนังสืออะไรไม่รู้เรื่องเลย TT

        ค่าใช้จ่ายช่วงสมัครก็มีแค่ค่าสมัครกับพวกค่าสอบต่างๆ เช่น Toefl/SAT เท่านั้นแหละ <_<

        ประสบการณ์ไปนอก มีแต่ไปเที่ยวเลยอ่ะ ถ้าไปซัมเมอร์แลกเปลี่ยนแบบนี้ไม่เคยเลย TT

        ม.ปลาย อยู่ศิลป์-เยอรมัน หลายคนก็ถามอยู่ว่าทำไมเราไม่ไปเกาหลี 55+ ไม่เอา จะไปเมกา
        จริงๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าอยู่ระดับไหน ขอให้เรียนแล้วรอดเหมือนเพื่อนเมกันทั้งหลายก็โอละ 55+

        AUA คอร์สที่ลงมันค่อนข้างเป็นทางการ เพราะเขาจะสอนอารมณ์เหมือนเราเรียนจริงๆ << ในห้องห้ามพูดไทย มี Discussion มีพรีเซนต์ มีทุกอย่าง แต่สนุกแล้วดีมากๆเลยนะ

        เราจบม.ปลายแล้วค่ะ ^_^

      5. เหอๆ เริ่มสนใจอังกฤษ ม.3 แต่ความมุ่งมั่นไม่ค่อยจะมีอ่าสิ 😥 เลยได้แต่กระดึ๊บไปเรื่อยๆ พัฒนาไปทีละน้อยอ่า

        โห ไมอายุ 18 จบม.ปลายละอ่า เพรฟเกิดเดือนอะไร ต้นปีเหรอ??
        อ่อ แล้ว อย่างนี้เพรฟจะไปเมกาเมื่อไหร่อ่ะ ปีหน้าเหรอ?
        แล้วมหาวิทยาลัยทีจะไปเรียนคือ มหาวิทยาลัยอะไรคะ เครือไอวี่ลีก??
        ค่าเทอมกีแสนคะ แพงมากไหม ไปต่อสาขาอะไรอ่า

        ฟังแล้วน่าเรียนจัง AUA ครอสที่เพรฟลงอ่ะ :)) ค่าเรียนเท่าไหร่?? เสียดายเราอยู่หาดใหญ่ สถาบันไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก

        ปล. รำคาญป่าวเนี่ย รู้สึกว่าเราจะถามหลายเรื่องมากเลย เหอๆ
        ปล.2 เราชอบเรื่องพวกนี้อ่ะ เลยออกจะอยากรู้อยากเห็นเยอะไปหน่อย เหะๆ
        ปล.3 วันนี้ เราเริ่มเขียนสิ่งที่อยากทำ100สิ่งแล้ว นึกออกแค่ 15 อย่าง ไว้ค่อยคิดต่อเรื่อยๆ 55

        ขอบคุณมากที่คอยมาตอบเสมอจ้า

      6. เกิดกุมภา << อีก 3 เดือนกว่า 19 แล้ว TT
        ไอวี่ ความสามารถไม่ถึงหรอก55+
        มหาวิทยาลัยเราชื่อ Emerson College ทั้งมหาลัยมีแต่ด้าน Communication & Performing Art อารมณ์แบบเหมือนทั้งมหาลัย = คณะนิเทศ

        เรายังเลือก Major ไม่ได้เลย << คือยังไม่แน่ใจจะเรียนไรดี (มันมี Major น่าเรียนเยอะมาก) แต่สาขาก็แถวๆนี้แหละ ค่าเทอมถ้าต้องจ่ายจริงก็เกือบๆ ล้านบาทต่อปี TT
        AUA คอร์สนึง 7000 บาท เรียน 6 อาทิตย์ ^^

        ไม่รำคาญๆ คุยได้เรื่อยๆ 100 สิ่งที่อยากทำเราเริ่มทำตั้งแต่ ม.2 ละ ค่อยๆคิด ค่อยๆเขียนสิ่งที่อยากทำจริงๆ เพราะบางทีสิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำจริงๆ

        ^_^

      7. 🙂
        555 ใช่ๆเห็นด้วย เมืองนอกเค้าก็มีสาขาน่าเรียนิหลากหลายกว่าในไทยเยอะอ่าเนอะ ไม่ต้องห่วง อย่างเพรฟนี่ประสบความสำเร็จชัวร์!!
        แล้วคิดหรือยังว่าจบแล้วอยากทำงานอะไร คิดจะอยู่เมกาต่อป่าว??

        ที่เมกา ป.ตรี เค้าเรียนกันกี่ปีเหรอ? แล้ว toelf เค้ากำหนดเท่าไหร่ สูงป่าว เพรฟได้เท่าไหร่?
        แล้วจะไปเรียนที่นู่นปีหน้าเหรอ

        AUA 6 สัปดาห์ ทุกวันหรืออาทิตย์ละครั้งอ่ะ กี่ชม.

        ปล. เพรฟจัดการเรื่องวีซ่าเสร็จหมดแล้วใช่ไหม พอดีเราอยากรู้เรื่องการเขียนจดหมายแนะนำตัวส่งขอวีซ่าอ่า มันมีรูปแบบตายตัวป่าว ต้องเขคยนบอกว่า เราไปทำไม เหตุผลอะไรถึงเลือกประเทศนี้ แนะนำตัวเรา ประมาณนี้ป่าว

        ปล.2 letter of recommentation อ่า แบบฟอร์ม ที่เพรฟแปะไว้ให้ สามารถใช้สำหรับปี 2013 – 2014 ได้ป่าว แล้วถ้าเราจะต่อรัฐศาสตร์ เราให้แต่อ.สอนอังกฤษ 2ท่านเขียนได้ป่าวอ่า

      8. ป.ตรี เรียน 4 ปี Toefl ก็แล้วแต่ Uni นะ ของเราเขาเอาขั้นต่ำ 80 แต่ถ้าเป็นพวกไอวี่ต้องถึง 100+ เลย

        เอยูเอ ที่บอก 7 พันเรียนอาทิตย์ละ 4 วัน วันละ 2.5 ชั่วโมง
        วีซ่ายังเลย เขา process ช่วงปีหน้า << คือวีซ่าเขาจะไม่ให้ก่อนไง ต้องไปเข้าเรียนก่อนก็จะให้เข้าไปเมกาได้ไม่เกินเดือนประมาณนี้แหละ << ถ้าอยากเข้าก่อนต้องเข้าด้วยวีซ่าท่องเที่ยว

        ขอวีซ่าต้องเขียนจดหมายแนะนำตัวด้วยหรอ?? ของเมกาไม่ต้อง(มั้ง) แค่ยื่นหลักฐานประกอบเน้นพวกหลักฐานการเงินนะ ส่วนมาก

        Recommend ที่แปะเป็นแบบฟอร์มของเมกาที่สมัครผ่าน Common App ถ้าจะสมัครมหาลัยไหนก็ต้องไปดูแบบฟอร์มของเขาเอง <_<

Comments are closed.

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑

%d bloggers like this: