กิจกรรมนอกห้องเรียน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากในการสมัครมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อังกฤษ หรือที่ไหนก็ตาม แต่เราขอเน้นไปที่อเมริกาเป็นหลักเหมือนเดิมนะคะ
กิจกรรมนอกห้องเรียน หรือ Activities เป็นสิ่งที่ต้องใช้ทั้งสำหรับปริญญาตรีและปริญญาโท โดยจะมีปัจจัยหลักๆก็คือ
1.กิจกรรมประเภทไหน
หรือชื่อกิจกรรมที่เราทำ เป็นประเภทไหน หลายคนชอบบ่นๆว่า เป็นคนไม่ชอบทำกิจกรรม ไม่รู้จะเขียนอะไรดี แต่รู้ไหมคะว่า จริงๆแล้ว เรา(ถูกบังคับ) ให้ทำกิจกรรมมากมาย ตั้งแต่งานกีฬาสี รับน้อง เยอะแยะ ซึ่งขอแนะนำว่านอกจากจะทำกิจกรรมกันในโรงเรียนแล้ว ก็อย่าลืมทำกิจกรรมอาสาสมัครด้วย ถึงแม้ว่าสังคมตะวันตกจะค่อนข้างเป็นสังคมที่เงินตราเป็นใหญ่ เขาก็ให้ความสำคัญกับงานอาสา คุณค่าทางจิตใจด้วย
ที่สำคัญจะทำให้เราดูเป็นคนดี 55+ ซึ่งตอนเราสมัครก็ Volunteer เยอะเหมือนกัน (แม้จะเพิ่งมาทำเอา 6 เดือนก่อนสมัครก็เหอะ)
ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่เราสมัครจะมีช่องกิจกรรมให้ใส่ อย่างน้อย 5 ช่อง อย่างมาก 10 ช่อง ซึ่งหมาายความว่าเราควรมีกิจกรรมที่เราทำอย่างหลากหลายเกิน 10 อย่าง (จะได้มีเผื่อเลือก)
ที่นี้ ถ้ามีไม่พอ ทำไงดีละ?
ก็ใส่งานอดิเรกของเราลงไป ของเรานี่ใส่ทั้ง เปียโน ดนตรีไทย รำไทย แล้วถ้าใครมีกีฬาอย่าลืม สำคัญมากกก ใส่ลงไปด้วย เพราะ ตปท ให้ความสำคัญกับกีฬามากกกกก เพราะแสดงถึงสุขภาพแข็งแรง โดยเฉพาะกีฬาที่เล่นเป็นทีม เตะบอลหลังเลิกเรียนก็ใส่ๆไปได้
แต่ของเราไม่ได้ใส่ เพราะเราไม่เล่นอะไรเลย จริงๆเล่นโยคะแต่อย่านับว่ามันคือกีฬาเลย55+ เราก็ใส่กิจกรรมอาสาสมัครเข้าไปแทน ใครที่ไม่เล่นเหมือนเราแต่โดนบังคับเขียนก็ใส่ๆไปอย่าง ว่ายน้ำ ตีแบด วิ่ง
2.นานแค่ไหน
ระยะเวลาจะทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนที่มีความตั้งใจจริงๆ ทำอะไรด้วยความหลงใหล มี Passion สูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและการงาน
ฉะนั้น ถ้ามีกิจกรรมที่ทำนานก็ใส่ลงไปต้นๆเลย เช่นของเรามีเปียโน (โดนบังคับ) เรียนตั้งแต่ 4 ขวบ (ตอนนี้เลิกแล้ว) เราก็ใส่อยู่ระดับต้นๆ หรือใครวาดรูป เต้น ร้องเพลงก็ใส่ลงไปด้วยนะ
3.ตำแหน่งอะไร
อันนี้ สำคัญมากกกก ถ้าได้เป็นประธานจะดีมาก เพราะแสดงความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เขาต้องการ แต่ถ้าไม่มีก็พยายามหากิจกรรมที่ได้เป็นประธาน ถ้าเป็นประธานรุ่น ประธานนักเรียน ประธานชมรม คณะกรรมการนร จะได้เปรียบมาก
4.ได้ทำอะไรบ้าง
ตรงนี้เขาจะเป็นช่องว่างๆ จำกัดตัวอักษรสัก 100 ตัว เราต้องเขียนว่า หน้าที่เราทำอะไรบ้าง ซึ่งอย่าเขียนว่า I do much research and write lots of articles…..
ให้เขียนเป็นลักษณะของ Resume เช่นสมมติว่าเราทำงานเกี่ยวกับเป็นนักเขียนของหนังสือโรงเรียนก็เขียนว่า
Research,interview,write articles,edit and proofread หรือถ้าเป็นนางรำ ก็อย่าเขียนแค่ว่า Dancing เขียนไปเลยว่า Create,practice,performance ประมาณนี้ค่ะ แต่บาง Uni ก็จะมีพื้นที่ให้เยอะ เราก็โม้ไปได้เยอะขึ้น
Q&A
Q ประสบการณ์ทำงานไม่มีได้ไหม?
สำหรับปริญญาโท ถ้าอยากเข้าพวกตัวท็อปส่วนมากเขาจะต้องการประสบการณ์ทำงาน โดยเฉพาะสาขา MBA ซึ่งงานที่ทำก็ต้องเป็นงานทางสายนี้นะคะ ไม่ใช่ชงกาแฟ หรืองาน Part-time ก็ดูจะไม่ใช่
สำหรับปริญญาตรีถือว่าเป็น Optional หรือตัวเลือก จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่แนะนำให้ลองไปหางานทำดู (งานคือสิ่งที่ได้เงินตอบแทนแต่ถ้าทำเฉยๆ ไม่ได้อะไรเป็นงานอาสาค่ะ) อาจไปสมัคร Part time ร้านอาหาร แปลเอกสาร ทำสักเดือนสองเดือนก็พอ หรือถ้าไหวก็นานกว่านี้ก็ได้ ไม่ต้องใหญ่โตมากมาย ให้เขารู้ว่า ฉันก็รับผิดชอบทำการทำงานเป็นนะ
อีกอย่างหนึ่งที่เราจะเสียเปรียบเด็กตะวันตกก็คือการฝึกงาน
เพราะเด็กฝรั่ง ฝึกงานกันตั้งแต่อยู่ High school นู่น
ซึ่งเราก็แนะนำตรงๆไม่ได้ว่าให้ทำอย่างไร เพราะเมืองไทยส่วนมากก็ไม่ค่อยรับเด็กมัธยมมาฝึก
หากพ่อ-แม่ใครมีที่ทำงานที่พอจะไปฝึกได้ช่วงปิดเทอมก็จะดีมากๆ
ของเราก็พยายามหาได้จนเทอมเกือบสุดท้าย พยายามสุดๆเหมือนกัน
ส่วนจะได้ทำอะไรก็อย่าคิดมาก ส่วนมากก็ นั่งอ่านหนังสือ เล่นเน็ต ถ่ายเอกสาร ประมาณนี้ค่ะ อย่าได้แคร์ เพราะเพื่อนเราที่ตอนนี้ติดทั้ง Cornell, Yale, Columbia ก็ได้ฝึกงานที่ Times ถามว่าทำไรบ้างก็บอกว่า นั่งหาข้อมูลอย่างเดียว 55+
กิจกรรมวัดอะไร
จริงๆแล้ววัดทักษะทุกอย่าง ทั้งค.สร้างสรรค์ รับผิดชอบ แสดงให้เห็นสิ่งที่เราสนใจจริงๆ แต่สิ่งที่สำึคัญที่สุดก็คือ Leadership หรือการเป็นผู้นำ ว่าเราสามารถคุมคนได้นะ แล้วก็วุฒิภาวะ ว่าเราโตแล้ว สามารถรับผิดชอบชีวิตในมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างอิสระได้
why Leadership?
เพราะคนที่มีทักษะทางผู้นำสูง มักประสบความสำเร็จในอาชีพสูง ซึ่งแน่นอนว่ามหาวิทยาลัยก็อยากได้เด็กประเภทนี้ เนื่องจากจะสร้างชื่อให้มหาวิทยาลัยไปในตัว
fake ได้ไหม?
ได้หรือไม่ จริงๆก็ขอบอกว่าได้ (คนเอเชียทำเยอะ)
แต่ฝรั่งเขาไม่ค่อยทำนะคะ เขาค่อนข้างดูถูกด้วยซ้ำ
เพราะเคยมีข่าวว่าเด็กเกาหลีหรือจีนนี่แหละ โกงเรื่องกิจกรรม
เราก็เห็นเด็กฝรั่งเขาเม้นต์ๆกันประมาณว่า อะไร เรื่องแค่นี้ก็ต้องโกง ประมาณนี้ค่ะ
ก็เหมือนลอกการบ้าน เรานี่ เรื่องปกติเลย (เรายอมรับ ว่าเราาก็ลอก55+)
แต่ถ้าตะวันตกจะไม่ ไม่มีการลอกเลย
ถ้าลอกนี่ เผลอติด F หรือไม่ก็ Probation ทัณฑ์บนกันเลยทีเดียว น่ากลัวที่สุด
ซึ่งเราก็สัญญากะตัวเองไว้แล้วว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เค้าจะไม่ลอกอะไรของใคร (เพราะจบม.6 แล้ว)
คำตอบคือไม่ค่ะ เพราะกิจกรรมของเราแทบจะเกินด้วยซ้ำ
เนื่องจากมาทำเอาตอน ม.6 แบบเกือบครึ่งคือสิ่งที่ทำในม.6
ซึ่งตรงนี้ ไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะจะทำให้เราเสียเปรียบว่าทำกิจกรรมนี้สั้น)