1.มองตัวเอง ว่าอนาคตอยากเป็นอะไร
อันนี้คือสิ่งที่ยาก เพราะพี่เชื่อว่า น้องหลายคนก็ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร แต่ถ้าใครรู้แล้ว และมั่นใจ พี่ก็อยากบอกให้น้องเลือกสายตามนั้นเลย เช่น รู้ว่าฉันอยากเป็นนักแปล จะเข้าอักษร ก็ศิลป์-ภาษาเลยลูก อย่าคิดมาก
2. ถามตัวเองว่าชอบอะไร
ถ้าเรารู้ตัวว่าไม่ชอบฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และมั่นใจว่าเราจะไม่ทำอาชีพแนวนี้แน่ๆ ก็เลือกศิลป์ซะ แต่ระวัง ศึกษาให้ดี ว่าคณะของสายวิทย์มีอะไรบ้าง เพราะสถาปัตย์ ออกแบบ ID ก็รู้สึกว่าจะต้องใช้ 3 วิชาข้างต้นสอบเหมือนกัน
ถ้ายังไม่มั่นใจ ให้เลือกสายวิทย์ำไปก่อน น้องอาจคิดแย้งกับพี่ตอนนี้ แต่ถ้าน้องมาอยู่ ม.6 น้องจะเข้าใจว่า สายวิทย์เลือกได้เกือบทุกคณะ อย่างเพื่อนพี่เรียนศิลป์ภาษาหลายคน มันอยากเข้าสถาปัตย์มาก ก็ต้องเรียนพิเศษ อ่านหนังสือกันแทบตาย ซึ่งสุดท้ายพี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำได้กันรึปล่าว (หวังว่าจะทำได้นะ Fighting)
3.อย่าเลือกเพราะเท่ห์-ดูดี
พี่เชื่อว่ามีหลายคนที่เลือกสาย เพราะคิดว่าดูดี เช่น เรียนวิทย์ดูฉลาด เรียนศิลป์ภาษา ดูเป็นสาวอักษรเก๋ๆ เริศๆ พี่บอกได้เลยว่า ไม่จำเป็น น้องอยู่สายไหน เรียนอะไรก็ดูดีได้ จริงๆ ทุกอย่างอยู่ที่เรา
4.อย่าเรียนเพราะหนีวิชาที่ไม่ชอบ
เพราะน้องอาจเจอวิชาที่ไม่ชอบกว่า อย่างพี่ไม่ชอบเลขหนีมาศิลป์ภาษา เจอวิชาที่ไม่ชอบกว่า(ไม่บอกนะ ถ้าอยากรู้ หลังไมค์) มันก็ทรมาน หรือเพื่อนพี่หลายคนไม่ชอบเลข เรียนสายภาษา แต่จะเข้าสถาปัตย์ ก็ต้องมาอ่านเลขแทบตายกัน
ยังไงมันก็หนีไม่พ้นหรอก วิชาที่ไม่ชอบน่ะ55+
5.อย่าเลือกเรียนเพราะเกรด
พี่บอกได้เลยว่า เกรดไม่ใช่ตัวที่วัดความฉลาดของเรา มันวัดความใส่ใจ+ความขยัน+สภาพแวดล้อม อย่าไปเลือกสายศิลป์เพราะเกรดวิทย์ชั้นไม่สวย หรือมาเลือกสายภาษา เพราะคะแนนเลขไม่ดี
พี่บอกได้เลยว่าพี่เป็นคนที่อ่อนอังกฤษมาก(เมื่อก่อนนะ ตอนนี้ก็ยังไม่เทพ) แต่พี่ก็พยายามอย่างหนัก เพราะพี่รู้ว่าพี่ชอบภาษา พี่ก็ตั้งใจและก็สำเร็จในการสอบเข้าซึ่งต้องใช้ภาษาอังกฤษมาก มาเรียนม.4 คะแนนอังกฤษพี่ก็ไม่ดี พี่ก็พยายามต่อไป เรียน อ่าน ท่องอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ได้เกรดที่อยากได้สมใจ
พี่แค่อยากบอกว่า ความเก่ง พื้นไม่ดี ฝึกกันได้ ถ้ารัก+พยายามจริงๆ อย่าเอามากันตัวเองว่าฉันไม่เก่ง ฉันทำไม่ได้ ถ้าหนูไม่สามารถข้ามกำแพงนี้ไปได้ หนูก็ต้องมองปราสาทสวยๆที่หนูอยากไปผ่านรูกำแพง
อย่าง พี่เอ๋-บก คลีโอ พี่เขาไม่เคยเรียนด้าน วารสารมาก่อน เขาก็ยังทำหนังสือได้ดีเลย แล้วเชื่อป่ะ ว่ากองบก คลีโอ หนังสือที่เพื่อนๆหลายคนติด ไม่มีพี่คนไหนจบสายสิ่งพิมพ์มาเลย ทุกคนเรียน โฆษณา-โทรทัศน์กันหมด
ฉะนั้น ทุกอย่างฝึกกันได้
ต่อไป สำหรับคนที่จะเลือกคณะอยู่ เราก็อยากแนะนำ แต่คิดไม่ออกจะเริ่มตรงไหน เอาเป็นว่า
1.ให้มองว่าตัวเองอยากทำอะไร
แล้วก็เลือกตามทางนั้น อย่าเสียเวลาไปเดินหลงตามทางที่คนอื่นผลักไส โดยที่เรามีเส้นทางที่เราชอบอยู่ในใจ มันทรมานนะคะ 4 ปีของเธอและ(อาจ) ทั้งชีวิตของเธอ ที่ต้องทำในสิ่งที่เธอไม่รัก โดยมีสิ่งที่ชอบอยู่ในใจ
2.อย่าเลือกตามคะแนน
อย่าเลือกโดยดูแค่คะแนนเรา อุ๊ย ถึงแพทย์ เลือกแพทย์ ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้น สิ่งที่เราจะบอกก็คือ อย่าเชื่อตามคะแนน ว่าคณะนี้ เหมาะกับเราที่สุด
(เล่า) วันนี้ เราไปสัมภาษณ์ 2 คุณหมอ เพื่อมาทำงานเกี่ยวกับข้อมูลอาชีพนี่แหละ สิ่งที่คุณหมอ 2 คนพูดเหมือนกัน คืออะไรรู้ไหม วิชาชีพแพทย์ ไม่ใช่วิชาที่เรียนยากที่สุด จริงๆ สาขาอื่น เรียนยากก็แพทย์ก็มี แต่เราถูกปรุงแต่งให้คิด ด้วยคะแนนใช่ไหม ว่าแพทย์คือคณะที่ต้องเก่งที่สุด
แต่แพทย์ต้องมีความรับผิดชอบมากๆ นะ
3.อย่าเอา ความเสียใจในวันนี้(เอนท์ไม่ติด) มาบั่นทอนชีวิตเรา
สำหรับเด็กมัธยม คงคิดกันใช่ไหมว่าเอ็นทรานซ์คือที่สุดของชีวิต แต่ที่เราไปสัมภาษณ์คนที่มีหน้าที่รับพนักงานของคลีโอ พี่เขาบอกว่า มันเป็นแค่จุดเล็กๆ เท่านั้น
แต่ถ้าเราไม่สามารถข้ามจุดนี้ไปได้ ก็….(เติมเอาเองนะ)
เพราะยังไงถ้าเรารักสิ่งนั้นจริงๆ เราก็ต้องได้ทำมันในที่สุด
สำหรับคนที่คิดเรื่องรายได้เป็นหลัก เราอยากบอกว่า อย่าเลย อย่างทุกคนคิดว่าเป็นหมอต้องรวยใช่ไหม แต่หมอที่อยู่ตามรพ รัฐ ได้เงินเดือนเท่าๆกับข้าราชการทั่วไปเลย สิ่งที่เขาได้เยอะ คือเป็นหมอสามารถทำงานพิเศษได้
ซึ่งอย่าลืมว่า เขาต้องแลกกับความเหนื่อย อีกสิ่งหนึ่งสำหรับการแพทย์ คงหนีไม่พ้นการต้องเข้าเวร ซึ่งการเข้าเวรเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก คือ ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เช้า เข้าเวรการคืน ต่อด้วยทำงานอีก 1 วันเต็ม เรียกได้ว่า เกิน 24 ชั่วโมงอีกค่ะ
สุดท้าย ไม่รู้จะเอาหัวข้ออะไร แค่อยากบอกว่า เราไปสัมภาษณ์ บก สารคดีมา เขาบอกว่า เราถามเขาไปว่าอยากทำงานกอง บก ต้องจบอะไร เขาบอกว่าจบอะไรก็ได้ จริงๆ บริษัทอยากลองรับคนที่ไม่มีการศึกษาดู ขอแค่อ่านออกเขียนได้ก็พอ O_O
เอาเป็นว่าทุกคนอย่าเครียดนะ การเลือกครั้งนี้มันสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ^_^