ค่ายสารคดี day 2 -ลงพื้นที่ “กุฏิจีน”

วันนี้ ต้องข้ามมานัดเจอกันแถวฝั่งธนแน่ะ ซึ่งวันนี้ก็จะเป็นวันแรก (และวันเดียว) ที่ได้ลงพื้นที่ ตื่นเต้นมากที่จะได้ลงไปทำงาน ไม่ใช่เพราะจะได้สัมภาษณ์หรืออะไร อยากรู้ว่าแดดจะร้อนแค่ไหนกันเชียว

วันนี้ตอนเช้า ก็จะแนะแนวการทำสารคดีที่ดีก่อน การเก็บข้อมูลของสารคดีสามารถทำได้ 3 ส่วนคือ

1 ลงพื้นที่ ไปดู ฟัง คุย กิน

2 สัมภาษณ์จากผู้รู้

และสุดท้ายคือการหาข้อมูลตามที่ต่างๆ เช่นอินเตอร์เน็ต ห้องสมุด ซึ่งเราเรียกว่าเป็นข้อมูลแห้งค่ะ ซึ่งเทคนิกตรงนี้ เราก็เคยเรียนมาแล้ว ตั้งแต่ปีก่อนนู่น สมัยเริ่มอยากเขียนงานสารคดีบ้างอะไรบ้าง ซึ่งพี่เขาบอกว่า งานสารคดีใช้เวลาเขียนไม่นาน แค่ประมาณ 10 เปอร์เซนต์ ที่เหลือคือการลงไปหาข้อมูล ลงพื้นที่

อ๊ากกก ช่างเป็นงานที่เหนื่อย (แต่สนุก) มากๆ

ต่อมาก็ให้ผู้นำชุมชนมาแนะนำและให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเรา ซึ่งที่ที่เรามาอยู่วันนี้ก็คือ “กุฏิจีน” เป็นชุมชนที่มีทั้งคนไทย จีน โปรตุเกส พุทธ คริสต์ อิสลาม อยู่ด้วยกัน โดยแยกลงไปเป้นหมู่บ้าน

ซึ่งการทำสารคดีวันนี้ก็คือ จะทำเรื่องอะไรก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งเราต้องเลือก หา เขียนหัวข้อเอง ซึ่งเราก็คิดในใจแล้วว่าอยากทำเกี่ยวกับ “โปรตุเกส”  คร่าวๆ ก็คือ วิถีชีวิตของชุมชนในบ้านนี้

ตอนแรกก็ จะซ้ำไหมนะ เพราะเรื่องของเรามันดูธรรมดามากๆๆๆ ถึงมากที่สุด หลังจากเดินเก็บข้อมูลสัมภาษณ์เล็กน้อยเส็จก็กลับมานอน คือวันนี้จริงๆ เหนื่อยมาก เพราะไปส่งจุงกิที่สนามบินมาเมื่อวาน กว่าจะเสร็จก็เลยเที่ยงคืนไปแล้วโน่น

แถมยังกินกาแฟตอนดึกไปอีก แทบไม่ได้นอน วันนี้ต้องตื่นมาลงพื้นที่เกือบตาย

พอตอนเย็นๆ ของวันเขาก็ให้แต่ละคนพูดปัญหาที่เจอ ของเราไม่มีก็ข้ามๆไป ส่วนมากที่พบก็เป็นเรื่องไล่ที่ ตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นแค่คนนี้คนเดียวหรือเปล่าที่เจอ แต่ปรากฏว่าใครที่ทำชุมชนนั้นเจอหมด (ของเราไม่โดนเพราะทำโปรตุเกส) ดังนั้นก็เลยรอดตัวไป

ซึ่งพอพวกครูเขาได้ยินปัญหาก็แบบอึ้ง เขาคงไม่คิดว่ามามันจะมามีปัญหาอะไรกันแบบนี้ เพราะเราหรือใครในนี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน และเหมือนไม่มีใครรู้นอกจากเป็นคนในพื้นที่จริงๆ

ต่อมาก็คือให้บอกหัวข้อตัวเอง โชคดีที่คนก่อนหน้าเราทำเรื่องวิถีชีวิตชุมชนชาวอิสลามและครูก็ให้ผ่าน เราก็เลยว่าของเราก็คงผ่าน (และก็ผ่านจริงๆ) แถมมีการบอกว่า “เขียนให้ดีเหมือนที่พูดด้วยนะ” ไม่รู้แล้วว่าเราเป็นแต่โม้ เขียนไม่เป็น 55+

สรุปวันนี้ก็จบลงด้วยดี ร้อนแต่คุ้ม แต่มาแย่ตรงที่พอถามพ่อว่า “วันนี้ดำขึ้นป่ะ” พ่อหันมามองหน้าแล้วก็บอกว่า “อืม หน้าดูดำขึ้นนะ”

เราก็แถมกรี๊ด หยิบกระจกมาดู หน้ามันอ่ะ เพราะไม่ได้แต่งหน้า จริงๆไม่ได้ดำ แค่ไม่ได้ทา base เฉยๆ (จริงๆนะ พอวันรุ่งขึ้น กลับมาแต่งหน้าปกติ ก็เหมือนเดิมละ)

Comments are closed.

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑

%d bloggers like this: