คิดว่าการที่เรามีเงิน ทำให้เรามีความสุข(ขึ้น) ไหมคะ
เมื่ออ่านข้อความนี้ ก็คงแบ่งความเห็นออกเป็น 2 ฝ่ายแน่นอนคือ
ใช่!! ได้เงินเอาไปซื้อ….(เติมคำตอบลงในช่องว่าง) – กระเป๋า/ขนมแพง/ทริปท่องเที่ยวสุดหรู มีความสุขที่ซู้ดดด
หรืออีกฝ่ายก็อาจตอบว่า ไม่ เงินซื้อความสุขไม่ได้ เงินซื้อเพื่อนได้แต่ซื้อมิตรแท้ไม่ได้/ เงินซื้อคนที่รักเราจริงๆไม่ได้
หรือคนที่เดินทางสายกลางอาจตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ก็คงซื้อได้ ความสุขบางอย่างมั้ง…
ถ้าเรามีงานที่เงินเดือนสูงและมีความมั่นคง คงไม่มีใครที่ไม่อยากทำใช่ไหมคะ แต่ความจริง ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะบางอาชีพที่เราเคยรู้สึกว่า มั่นคงมากๆ (ในสมัยก่อน) ตอนนี้อาจกลายเป็นมั่นคงกลางๆ หรือน้อยไปเลย
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นทางที่เราเดิน ในอนาคตจะมั่นคงและเงินเยอะมาก หรือจะไม่มั่นคง เสี่ยงต่อการถูกเลย์อ๊อฟ และเงินเดือน พอกินแกลบไปแต่ละวัน 55+…….พอเขียนถึงตรงนี้ คิดว่าคงมีคนอ่านบางคนเริ่มเครียดละสิว่า อาชีพ…..ที่ฉันคิดไว้ในหัวตอนนี้ จบไปเงินจะดีไหม/จะมั่นคงหรือเปล่า/อนาคตจะเป็นไงต่อ (เอาคำพูดของพ่อเราไหม น่ากลัวกว่า เขาบอกว่า ธุรกิจ ส่วนมากอยู่ได้ไม่เกิน 5 ช่วงคน คือถ้ารุ่นปู่ย่าเป็นคนสร้าง รุ่นสุดท้ายก็คือรุ่นหลาน…….น่ากลัวเนอะ)
แล้วถามกลับต่ออีกนิด ว่าเมื่อพูดถึงคำว่า “อาชีพ” คิดว่าคำแรก(หรือภาพแรก) ที่ลอยเข้ามาในหัวของหลายคนคือ “เงิน”
เพราะโลกของเรา คือโลกของวัตถุนิยม
เดี๋ยว…เราไม่ใช่คนแอนตี้โลกของวัตถุนิยม โลกนี้ “เงิน” สามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ (อาหารดี/สิ่งแวดล้อมดี/ที่อยูดี/ชีวิตสบายๆ/ได้ทำสิ่งที่ชอบ) ซึ่งสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เราใช้เงินแลกมาทั้งนั้น
แต่เดี๋ยว ดูดีๆ นะ (ใครงงบอกได้)
อาชีพ = งาน
เงิน = การใช้จ่าย
ถ้าเรามีความสุขอยู่แค่กับการใช้เงินอย่างเดียว แต่ทุกข์มากกับอาชีพที่ทำ เราอาจต้องกลับไปทบทวนตัวเองอีกครั้ง
แต่เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า การใช้จ่ายที่มากล้น ไม่ได้เป็นหลักประกันความสุข อาจารย์บอกว่า ตั้งแต่เขาได้สัมภาษณ์ผู้บริโภค ล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ค่าใช้จ่ายไม่ไช่ปริมาณความสุขที่ได้รับ
ลองดูนะ เดือนนี้ ใช้เงินแบบปกติ กินข้าวร้านธรรมดา/ไปทำงานปกติ มีให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ เช่นขนมที่ชอบอาทิตย์ละครั้ง(ราคาประมาณ 200 บาท) กับซื้อเสื้อสวยๆสัก ตัว (400 บาท)
กับอีกเดือน เหมือนเดิม กินข้าวร้านธรรมดา/ ไปทำงานปกติ ให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ คล้าย ข้างบน และ ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมสัก 30000 บาท ใบนึง
เราเชื่อว่าโมเม้นต์ที่จ่ายตังค์ซื้อ กระเป๋าใบละ 30000 ต้องคิดแน่ๆ ว่า เดือนนี้สุดยอดที่สุดเลยยย ต้องเป็นเดือนที่ดีที่สุดในรอบปี
แต่ สิ้นเดือนมา เชื่อไหม ว่าความรู้สึกคือเหมือนกันทั้ง 2 เดือน (คือเราลองมาแล้ว เดือนนี้ซื้อหนังสือไปหลายพัน ความสุขเท่าเดิม TT) และใครที่มีหนี้เพราะกระเป๋าอาจเครียดเพิ่มขึ้นอีก.
(ตอนนี้เราจะไม่ยังพูดถึงเรื่องความพอเพียง/ประหยัดหรืออะไรเทือกนี้ทั้งนั้น เดี๋ยวยาว)
แค่จะบอกว่า รายจ่ายของเรา ไม่ได้ทำให้ความสุขของเรามากขึ้น แต่เชื่อไหมว่าความสุขจากการที่เราประสบความสำเร็จจากงานที่ชอบ มีค่ามากกว่าความสุขที่เราซื้อในของที่ชอบซะอีก
Here is my point.
ตอนนี้นักเรียนเตรียมเอ็นท์ คงมีหลายคนที่คิดอยู่ว่า เลือกคณะไหนดี จบไปเงินดี (และส่วนมากคิดว่าหมอ….คิดผิดแล้วเธอ) หรือคนที่เตรียมจบก็ ทำงานทางสายไหนที่เงินดีน๊าาาา
อยากบอกแค่ว่าในขั้นเริ่มต้น อย่าเพิ่งเลือกจากงานที่มีเงินเดือนสูงหรือมั่นคงเท่านั้น ให้เลือกงานที่เราชอบซะก่อน ถ้าเราทำงานที่เราไม่ได้ชอบ (แต่ทนทำเพราะเงิน) เงินจริงๆ ก็คือยาเสพย์ติด พอจะเปลี่ยนไปทำงานในสายที่เรารัก ก็ไม่กล้า (ก็เงินน้อยกว่านิ) หรือคิดว่าอายุเท่านี้ๆ จะเกษียณ เอาเงินที่เก็บได้ไปซื้อความสุข
….ใครจะรู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่า….อาจตายตั้งแต่ 5 ปีหลังทำงานจบก็ได้. ชีวิตแต่ละวันมันไม่แน่นอนนักหร๊อกกกกกกก
สรุป แค่อยากบอกว่าอย่าเลือกงานเพราะเงินอย่างเดียว ให้เลือกงานที่เราชอบด้วยและเงินซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีบางส่วนได้. แต่อาจซื้ออาชีพที่เรารักไม่ได้ เอ๊ะ เหมือนงงๆ ด้วยว่างๆ จะมาแตกประเด็นเรื่องงาน(อาชีพ) ให้ฟังนะ ^_^
ทำเหมือนสตีฟจ๊อบดีกว่า ถ้าเราทำงานด้วยความรัก เดี๋ยวเงินก็ตามมา
Like ^_^