ถึงเวลาหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองอีกครั้ง หลังจากพักนี้ขี้เกียจสุดๆ TT ฉะนั้นมาอัพเดทชีวิตของเด็กนักเรียนเกาหลี ภาค 2 ดีกว่า ใครยังไม่เคยอ่าน ภาค 1 เข้าไปอ่านกันก่อน
เป็นภาพที่เห็นได้ทุกที่…ที่มินโจกก็มีเยอะ ที่ไทยด้วย 55+
เรื่องนี้จะอัพวันนี้มีหลายเรื่อง เช่นชีวิตของเด็กเกาหลี ณ โรงเรียนหนึ่งที่ชื่อว่า แดวอน (Daewon) โรงเรียนนี้เขาถือว่าเป็นคู่แข่งกับมินโจกเลยนะ (เป็น prep school) จะเป็นยังไง เดี๋ยวมาว่ากัน
จริงๆ เราว่าหลายคนน่าจะรู้จัก SKY แล้วใช่ไหมเอ่ย หมายถึงมหาวิทยาลัยท็อป 3 ของเกาหลี อย่าง Seoul, korea, Yonsei เป็นมหาวิทยาลัยที่เด็กเกาหลีอยากเข้ากันมาก อารมณ์เหมือนเด็กไทยอยากเข้าจุฬา/ธรรมศาสตร์ แต่การแข่งขันดุเดือดกว่าเยอะ
และตอนนี้ อย่างที่รู้ๆ ว่าคนเกาหลีเริ่มรวยขึ้น ก็พอจะมีเงินส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ทำให้ตอนนี้เขาเกิดเทรนด์ใหม่ (จริงๆเป็นมาสักพักแล้้ว) ก็คือนิยมส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ที่ฮิตที่สุดก็หนีไม่พ้นอเมริกา จนตอนนี้ มีนักเรียนเกาหลี อยู่ในเมกามากกว่า 100000 คน ถือว่าเยอะเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและอินเดียเลยทีเดียว
แล้วไม่ใช่แค่ไปเรียนเมกา เท่านั้นนะ ต้องเรียนมหาวิทยาลัยดังๆ อย่าง Harvard Princeton Standford University of Chicago อะไรแบบนี้…..ซึ่งขนาดเด็กไฮสคูลเมกันหลายคนยังกลัวเด็กเกาหลี เพราะ Profile ส่งมาแต่ละทีนี่แบบ…..SAT perfect score (คะแนนเต็ม)
จนตอนนี้เคยเข้าบอร์ดไปเจอเด็กเกาหลีบ่นๆ กัน ว่าจะเข้ามามหาวิทยาลัยดังๆ เหมือนเกาหลีต้องแข่งกันเองซะแล้ว (ฉะนั้นคนไทยก็มีสิทธิ์ เวลาเจอคะแนนเด็กเกาหลีอย่าเพิ่งตกใจ…..จนไม่กล้าสมัคร เพราะเด็กเกาหลีหลายคนได้คะแนนสูงมาก มหาวิทยาลัยก็ปฏิเสธ คนไทยยังมีสิทธิ์ สู้กันต่อไป)
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมคนเกาหลีมันต้องแข่งขันกันขนาดนั้น……มันจะอยากเข้ามหาวิทยาลัยดังๆขนาดนั้นเลยหรอ เคยมีเด็กมัธยมเกาหลีคนหนึ่งบอกว่า “ถ้าเขาไม่เรียนให้ได้คะแนนสูงๆ ก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ / ถ้าไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ก็จะไม่ได้งานดีๆ ทำ / งานไม่ดี เงินเดือนก็ต่ำ สุดท้ายก็จะหาสามี/ภรรยา ดีๆไม่ได้”
อย่างที่รู้ๆนะ ถ้าใครได้มีโอกาสดูพวก Talk show ของเกาหลี ก็จะเห็นว่าเกาหลีค่อนข้างตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอก .. เคยอ่านเจอเขาบอกว่า คนเกาหลีเชื่อว่า ถ้าคนนี้หน้าตาไม่ดี ก็แสดงว่าเป็นคนจิตใจไม่ได้ (อนนี้อาจเป็นเบื้องหลังที่หลายคนไปทำศัลยกรรม55+)
ซึ่งส่วนตัวเรา ไม่ออกความเห็นหรอกนะ ว่า คำพูดข้างบนที่ใส่ ” ” ถูกหรือผิดยังไง เพราะมันมองได้หลายแง่มาก หลายคนก็จะบอกว่าชีวิตแค่นี้เองหรอ มหาวิทยาลัย เกรด งาน ไม่ได้ตัดสินชีวิตหรอกนะ แล้วฟังดูมันก็เหมือนใจแคบเนอะ (แฟนต้องหาได้เพราะรวย…..กลายเป็นปัญหาเล็กๆของเกาหลีเหมือนกัน อ้างอิงจาก หนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด)
แต่ ส่วนตัว เราเชื่อว่าเพราะความเชื่อแบบนี้แหละ ทำให้เกาหลีเป็นเกาหลีได้อย่างทุกวันนี้ เคยไปอ่านเจอ เขาบอกว่าเกาหลีมีเด็กพวกหนีเรียน/ไม่เรียน/เกเร น้อยมากกก มากกว่าเมกาแบบหลายเท่า (และคงน้อยกว่าที่ไทยหลายเท่าด้วยเหมือนกัน) …….
แต่ก็มีนักวิชาการหลายคนบอกว่า การที่ระบบการศึกษาเป็นแบบนี้ ทำให้ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ (ที่น่าจะเกิดตอนอยู่มัธยม) ถูกดีเลย์ไปเกิดตอนมหาวิทยาลัยแทน เหมือนที่เด็กไทยหลายคนก็เป็น เพราะเหมือนเราถูกเซ็ต goal มาตลอดว่าจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ๆ พอเข้าได้ก็เลยเหมือนไปต่อไม่ถูก กลายเป็นคนที่ไม่รู้ว่าชีวิตต้องการอะไร หรือง่ายๆ คือเข้ามหาวิทยาลัยเรียนไปเพื่ออะไรกันแน่
อย่างที่เกาหลี ตอนนี้เขาบอกว่า เพราะสังคมมหาวิทยาลัยในเกาหลีก็เครียด (น้อยกว่ามัธยมนิดนึง) เพราะเด็กกลัวตกงาน ทำให้พฤติกรรมนี้ถูกดีเลย์ไปอีก เป็นช่วงที่เขาเริ่มทำงาน…จะงงๆ ว่าชีวิตต้องการอะไร ความฝันอยู่ไหน เป็นต้น
มาต่อกันเรื่องชีวิตเด็กเกาหลีดีกว่า หลังจากตอนที่แล้ว เสนอชีวิตเด็กมินโจกไปแบบคร่าวๆ (อาจมีภาคละเอียดอีกที รอติดตามนะจ้ะ) วันนี้จะพาอีกโรงเรียนมาเสนอ นั่นก็คือ แดวอน (Daewon) เป็นโรงเรียนที่เป็นคู่แข่งกับมินโจก อารมณ์เหมือนมหิดลวิทย์ฯ กับ เตรียมอุดม
แดวอนนี่ต่างจากมินโจกก็คืออยู่ในโซล และไม่เป็นโรงเรียนประจำ ผลงานของเขาก็มีเด็กติดมหาวิทยาลัยระดับท็อปๆ เยอะมาก คะแนนเฉลีย SAT ก็พอๆ กับมินโจก
วันนี้เราเลยพาเด็กคนหนึ่ง เธอชื่อว่า คิม ฮยอนคยอง ได้คะแนน SAT เต็มในส่วนของเลขและ Critical Reading ส่วน Writing เธอไม่ได้เต็ม แต่อย่าเสียใจไปเธอได้ 790 คะแนน (คะแนนเต็ม 800….น่าจะทำผิดไป 1-2 ข้อ)
และตอนนี้(ตอนที่อ่านเรื่องของเธอ) เธอกำลังเตรียมสอบ AP ถึง 9 ตัว (AP คือ การสอบวิชาที่มีเนื้อหาระดับมหาวิทยาลัย) โดยที่สุดยอดไปกว่านั้นคือ เธอไม่เคยเรียน 9 วิชานี้เลย แต่เธอซื้อหนังสือและอ่านด้วยตัวเอง
(ชาบู ชาบู)
ซึ่งอีกความต่างของแดวอนก็คือเขาเป็นโรงเรียนที่เน้นภาษา คือเด็กๆ ต้องเรียนภาษา ที่ 3 ด้วย (มินโจกไม่ต้อง)
ตารางชีวิตของเธอ และเพื่อนๆ ที่แดวอนก็จะเป็นแบบนี้
6.00 ตื่นนอน (ที่บ้านของเธอนะ)
6.50 ไปขึ้นรถบัส พอถึงโรงเรียนแล้วก็ไปช่วยเพื่อนทำความสะอาดห้อง (น่ารักอ่ะ)
8.00 – เย็นๆ เรียนวิชาต่างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วรรณคดี
มีพักทานข้าวกลางวันด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่ากี่โมง ผู้หญิงก็นั่งคุย ผู้ชายก็รีบๆกินเสร็จแล้วก็ไปเตะบอล…
7.45 การอ่านหนังสือตอนเย็นเริ่มขึ้น เขาจะบังคับให้นั่งอ่านที่โรงเรียน (เด็กจะได้ไม่อู้) ก็นั่งอ่านกันไปใน Hall มั้ง แล้วก็จะมีครูเดินเฝ้า
10.50 กลับบ้าน……บางคนจะอ่านต่อก็กลับไปอ่านที่บ้าน
ถึงมีคนบอกว่าแดวอนดูจะไม่โหดเท่ามินโจก….ที่โน่นนะ ตี 2 O_O
หน้าตาโรงเรียนกวดวิชา อัดแน่นมาก
หลายคนคงกำลังอยากรู้ว่า เด็กเกาหลีเดือนนึงเรียนพิเศษกันเยอะแยะมากมาย ขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายน่าจะสักเท่าไหร่ ซึ่งบอกไว้ก่อน ว่าค่าเรียนพิเศษที่เกาหลีไม่ถูกนะ …. เคยเข้าไปดู ดูเสร็จแล้วขอเวลาทำใจสักพัก
โดยส่วนมากพ่อแม่ชาวเกาหลีจะให้เงินไปกับการศึกษาของลูกประมาณครึ่งหนึ่งของรายรับครอบครัว (เคยอ่านเจอบางที่บอกว่า 30 เปอร์เซนต์) นึกดูว่าเงินเดือนขั้นต่ำของคนเกาหลีคือประมาณ 1 ล้านวอน ค่าการศึกษาคือ 5 แสนวอน หรือราวๆ หมื่นกว่าบาท ต่อเดือน
เขาต้องเรียนตั้งแต่เด็ก วิชาที่ฮิตก็คือ เลข อังกฤษ ภาษาที่3 (จีน/ญี่ปุ่น) ดนตรี และกีฬาค่ะ
ช่างเป็นพ่อแม่ที่ทุ่มเทเหลือเกิน =_= ซึ่งเคยอ่านเจอ เขาบอกว่าเรียนพิเศษนี่ ส่วนมากเด็กๆจะอยากเรียนกันเอง
สำหรับแดวอน เขาเปิดรับต่างชาติด้วย(มั้ง) ใครอยากไปเรียนก็ลองดูได้ที่ http://www.dwfl.hs.kr/……ค่าเทอมแพงอยู่
Reblogged this on cornJi.
สุดยอดอะ
อ่านเรื่องของเธอได้ที่ไหนหรอคะ??
ใช่นะ ในความรู้สึกเรา เราว่าคนเกาหลี/ญี่ปุ่น/ จีน เรียนหนักกว่าไทยเยอะ….ไม่รู้ทำไมโพลออกมาถึงว่าไทยเรียนหนักสุด =_=
ถ้าเทียบ ๆ กันแล้ว
นักเรียนไทย ที่ว่าทุ่มกวดวิชากัน นี่ยังหนักน้อยกว่าเกาหลีใช่ไหมอ่ะ?
เห็นส่วนมากบอกว่า พี่ไทยเรียนหนักที่สุดแล้ว