บอกไว้ก่อนว่าโพสนี้ เราไม่ได้เขียนเอง แต่แปลมาจากบล็อกโปรดของคนๆ หนึ่งที่เขาเรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง จนตอนนี้(จะ) ผ่าน TOPIK 6 Level ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดแล้ว
บล็อกต้นฉบับคือ Creating a comfortable routine for language learning
เธอบอกว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการเรียนภาษาต่างประเทศก็คือการวางแผนการเรียนให้เป็นกิจวัตร ซึ่งกิจวัตรที่ว่า เราต้องรู้สึก comfortable กับมันด้วย (ภาษาไทยคือ?)
ซึ่งแผนการที่ว่าก็หมายถึง
- หนังสือที่ใช้
-
ทักษะที่้ต้องเน้น แกรมม่า/การฟัง/การพูด
-
จัดการการเรียนยังไงดี ใช้สมุดโน้ตแบบออนไลน์ ใน Word หรือใช้สมุดโน้ตที่เป็นเล่มๆ
-
เขียนอะไรในสมุดบ้าง
-
จะทบทวนเนื้อหาที่อ่านหรือเรียนไปแล้วยังไงดี
จริงๆ ความหมายก็คือ การเรียนภาษาเราควรทำให้เป็นกิจวัตร คือทำซ้ำๆ ทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำแบบนี้ตลอดไป
เริ่มงงกันหรือเปล่าเอ่ย
เราหมายความว่า วันนี้เราอาจเน้นทักษะการฟัง เพราะเราไม่เป๊ะเรื่องนี้ (ถือโอกาสดูซีรีย์ไปในตัว55+) หลังจากนั้นเราก็ไปเน้นด้านอื่นๆ แทนเป็นต้น
แต่ยังไงก็ตาม ผู้เขียนโพสนี้เขาบอกว่า วิธีการเรียนภาษาของเขาส่วนมากค่อนข้างมีระบบ (เน้นอีกที เขาเรียนเกาหลีด้วยตัวเองค่ะ) แล้วมันก็ได้ผลด้วย
เขาเล่าให้ฟังว่า สมัยที่เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นจริงจัง เขารู้สึกเหมือนมันมีอะไรเยอะแยะไปหมดและเริ่มต้นไม่ถูก ตอนนั้นเขามีหนังสือและสมุดโน้ตอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่รู้ว่าควรเริ่มเรียนอย่างไรดี ซึ่งปัญหานี้ พี่สาว (คือเราเรียนเขาว่าพี่มาตลอด >_<) บอกว่าเกิดจากการขาดระบบที่แน่นอน (Lack of system/routine)
เขาบอกว่า ต้องใช้เวลานานเหมือนกัน ที่เราจะเจอวิธีการเรียนที่ใช่สำหรับเรา ตอนนี้เขาใช้สมุดจดสำหรับเรียนภาษาเกาหลีเป็นเล่มที่ 7 แล้ว (ถ้าใครได้ดูวิดีโอ จะรู้เลยว่าสมุดเขาสวยมาก) และเขาสามารถเปรียบเทียบกับเล่มก่อนๆ เพื่อดูว่าเขาก้าวหน้าไปถึงไหนได้เลย
จากสมุดจดเล่มแรกๆ ที่ลายมือดูเด็กๆ และมีคำแปลภาษาอังกฤษเยอะแยะเต็มไปหมด มาถึงเล่มนี้ที่ทั้งหมดแทบจะเป็นภาษาเกาหลี (คือเคยเห็นตอนพี่เขาจด พี่เขาเขียนคำศัพท์เกาหลีพร้อมคำแปลที่เป็นภาษาเกาหลี << มาทีมีคำอธิบายซะยาวก็เป็นภาษาเกาหลีด้วย)
ถ้าใครอยากรู้ว่าสมุดโน้ตของพี่เขา เป็นอย่างไร ก็ดูได้จากลิงค์ YT ได้เลย สมุดจดเราเวลาเรียนภาษาเกาหลีก็หน้าตาแบบนี้เลย << เหมือนเป๊ะๆ คือลองทำตามแล้วมัง Work มากๆ
สำหรับคติ ที่คนที่เก่งภาษาทุกคนแนะนำก็คือต้องขยัน และอดทนมากๆ ภาษาไม่ได้เหมือนเลขที่พอเราเรียนเรื่องนี้เข้าใจเราก็สามารถทำโจทย์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หมด มันเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าเราเรียนวันนี้ แล้วพรุ่งนี้จะตื่นขึ้นมาแล้วฟังภาษาที่เรียนออก
อย่างเราเอง ตอนเรียนก็มีนอยด์ๆ นิดๆ ว่าเรียนมาตั้งนาน ทำไมฟังไม่ออกซักทีน๊าาา แต่พอมันจะฟังออก มันจะฟังออกจนเราตกใจเอง
ดูซีรีย์อยู่ อันนี้เข้าใจที่เข้าพูด นั่งนึกอีกที เมื่อกี้เราไม่ได้อ่านซับนิ! เป็นต้น << ขอบอกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก ทำเอาเราอยากดูซีรีย์ไปเรื่อยๆ ทันที
มาดูกันเลย >_< ลืมบอกไปว่า เขาชือ Shannon Tan เป็นคนสิงคโปร์ค่ะ ยกขึ้นหิ้งไปเป็นไอดอลอีกคนของเรา
Reblogged this on Aquawvynter.