การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของคนเกาหลี

asoon1

เรื่องนี้มีที่มาคือ หลายคนคงรู้จัก ซงจุงกิใช่ไหม…(ถ้าบอกว่าไม่เดี๋ยวเอาภาพลงให้)

ซงจุงกิคือดาราที่ดังและหล่อและเก่งและฉลาดมากๆ คนหนึ่งของเกาหลี(ไม่อวยเมนตัวเองเลย) เขาสอบ CSAT ซึ่งเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเกาหลี เหมือนที่เราต้องสอบแกทแพทนั่นแหละ

คะแนนของเขาคือ 380 (หรือ 384 ไม่แน่ใจ) และเขาก็เรียนที่ม.ซงคยุนควัน ซึ่งคะแนนที่ว่านี่เต็ม 400 นะคะ เราก็เลยสงสัยว่า แล้วถ้าเป็นพวกที่เข้ามหาวิทยาลัย SKY (Top 3) ของเกาหลีอย่าง Seoul national university/ Korea University/ Yonsei University ต้องได้กันเท่าไหร่

กว่าจะหาคะแนนได้ก็โหดอยู่ เพราะต้องหาในเว็บที่ไปภาษาเกาหลีหมด ฉะนั้นข้อมูลอาจไม่เป๊ะ…เพราะเราก็อ่านเกาหลีไม่ค่อยออก

แต่ที่เข้าใจคือ คะแนนขั้นต่ำที่น่าจะติด ก็จะแตกต่างกันตามแต่ละมหาวิทยาลัยและคณะ บางคณะอย่างเช่นคณะวิศวะของ Korea University คะแนนก็จะต่ำลงมากว่าคณะอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน มาก เพราะมหาลัยนี้เขาดังทางด้านสายศิลป์

แต่ที่โหดสุดคืออะไรรู้ไหมคะ

คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัย Seoul National Univesity มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของเกาหลี คะแนน Expected score ของคนที่จะติดคือ คือ คือ 399

คือง่ายๆ อย่าทำผิดเลยดีที่สุด

แล้วคะแนนก็ขึ้นทุกปีด้วยนะ อย่างมหาวิทยาลัยที่จุงกิติด ตอนนี้ก็ควรได้ 390+ ถึงจะติด….แม่เจ้า ! เข้าใจถึงความโหดของเอนทรานซ์คนเกาหลีอย่างชัดเจน

ถ้าเป็นคณะอื่นใน Seoul national Uni ล่ะ ก็ควรได้ 397-398 อัพ (คืออย่าทำผิดเลยดีที่สุด) ส่วนถ้า Top 3 ก็นะ ประมาณ 395++

ถึงว่า เอนทรานซ์เกาหลีถึงมีอะไรแปลกๆ เยอะ เช่นเด็กซิ่วเยอะมาก…ไม่ใช่เพราะเรียนๆ ไปแล้วไม่ชอบคณะ หรือ Gap Year เหมือนฝรั่ง แต่คือได้คะแนนน้อยก็เลยออกมาอ่านหนังสืออีกปี

เข้าใจละ ว่าคนเกาหลีเขาฝึกความถึกกันมาตั้งแต่เด็กนี่เอง ไม่น่าแปลกใจจริงๆ ถ้าจะเรียนกันหนักขนาดนี้แล้ว Harvard ณ ตอนนี้ จะเต็มไปด้วยเด็กเกาหลี…คือมันเยอะจนจะแข่งกันเองเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเมืองนอก (ที่เขามีโควต้า) จำกัดอยู่แล้ว

เคยเห็นคนเกาหลีอยู่คน บ่นว่าสัญชาติเกาหลีเป็นข้อเสียเปรียบเวลาสมัครมหาวิทยาลัยไอวี่ เพราะเพื่อนที่โรงเรียนมันก็สมัครเยอะ…สุดท้ายเหมือนแข่งกันเอง เพราะมหาวิทยาลัยเขาก็มีโควต้าจำกัด…น่าสงสารจริงๆ TT

20121210211929

ช่วงใกล้สอบ ร้านกาแฟในเกาหลีก็จะถูกจับจองไปด้วยนักเรียน นักศึกษามานั่งอ่านหนังสือ

แต่ในความโหดมันก็มีข้อดีของมันอยู่คือ

  • เด็กอ่านหนังสืออย่างเดียว เอาความรู้ให้แม่นอย่างเดียว ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นว่าระบบจะเปลี่ยนไหม ต้องสอบวันไหน เพราะเขาจะสอบพฤหัสที่ 2 ของเดือนพ.ย. ทุกปี (ถ้าป่วยก็…ไปสอบปีหน้า)

  • วิชาเขาเป็นรูปแบบเดิมๆ เสมอ ไม่เคยเปลี่ยน ฉะนั้น เด็กก็อ่านไป 5 วิชาหลัก ไม่ต้องนั่งงงว่า เอ๋ ตกลงต้องอ่านสุขศึกษา/พละ ไหมนะ

2012-11-05T074345Z_1_CBRE8A40LGZ00_RTROPTP_2_KOREA-EXAM (1)

เคยคิดว่าที่ไทยเรียนมีชีทเยอะแล้วนะ เกาหลีเยอะกว่า พอเรียนจบขนออกมาทิ้งที คนนึงนี่เยอะมากๆ

รู้จัก CSAT (College Scholastic Ability Test)

ส่วนประกอบ

  1. ภาษาเกาหลี

  2. เลข

3. ภาษาอังกฤษ มีการฟังด้วย…ดังนั้นไปพูดอังกฤษกับคนเกาหลีรุ่นใหม่ไม่ต้องกลัว เขาเข้าใจแน่ (แต่ตอบกลับได้หรือเปล่าอีกเรื่อง55+)

  1. เลือก 1 วิชา
  • สังคมศึกษา

  • วิทย์

  • วิชาทางสายอาชีพเช่น เทคโนโลยี การออกแบบ ฯลฯ

  1. ภาษาที่ 3 (ญี่ปุ่น รัสเซีย อารบิก จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน )…สรุปคือ คนเกาหลีต้องเรียนภาษาที่ 3 กันทุกคน??

เห็นความโหดของการเรียนแล้ว ก็เลยทำให้ตารางเรียนของคนเกาหลีออกมาเป็นแบบนี้…..

72344_393625100713035_1305290773_n

มีกำลังใจอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นกันไหมคะ…อย่างน้อย ถึงเราจะบ่นว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเราโหด/แข่งขัน/ กดดันยังไง ก็มีที่สุดกว่านี้อยู่…ม.6 Fighting!

เพิ่มเติม

หลังจากวันนี้ โพสนี้มีคนเข้ามาดูเยอะจนน่าตกใจ เราก็ขอเพิ่มเนื้อหาหน่อยดีกว่า

ทำไมเด็กเกาหลีต้องแย่งกันเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ?

เพราะ “งาน” ค่ะ อย่างเราเคยเข้าไปการรับสมัครงานของบริษัท Samsung ที่เกาหลี บางฝ่ายเขารับแต่คนที่จบจาก Seoul national University เท่านั้น TT

และเราเคยได้ยิน (พวกแม่ๆ เกาหลี) ที่ดูเหมือนกดดันกดดันลูก เขาพูดๆ กันว่า “ถ้าไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัย Top 3 อย่าง SKY โอกาสทีี่จะได้งานบริษัทดีๆ (Samsumg/ ฮุนได) ก็มีน้อยมาก”

เราเคยดูซีรีย์ (หลายๆ เรื่อง) อย่าง High kick นางเอกจบมหาวิทยาลัยอะไรไม่รู้ ที่ไม่ดัง หางานยากมากๆๆ เพราะเขาให้ความสำคัญกับมหาวิทยาลัยที่จบมากๆ (อารมณ์เหมือนเมื่อก่อน ปูนซีเมนต์ไทยบ้านเรา จะรับแต่เด็กจุฬา แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ที่อื่นก็รับ แค่ต้องเกรดดี พี่ที่เรารู้จักจบ ธรรมศาสตร์ แต่เกียรตินิยมนะ O_o)

ซึ่งอย่าลืม ว่าค่านิยมของคนไทยกับคนทางเอเชียตะวันออก อย่าง เกาหลี/ ญี่ปุ่น จะต่างกัน คนไทยส่วนหนึ่ง (หรือส่วนมาก?) จะชอบทำงานอิสระ เปิดร้านขายของบ้าง เปิดร้านขนมบ้าง ในขณะที่คนญี่ปุ่น (เราว่าเกาหลีก็ด้วย) ชอบการอยู่บริษัทใหญ่ๆ ที่มั่นคงมากกว่า

ถึงขนาดว่า คนญี่ปุ่นบางที เราถามว่าทำงานอะไร แทนที่จะตอบมาเป็นงานที่ทำเช่น บัญชี ฯลฯ เขากลับตอบเป็นชื่อบริษัทมา ซึ่งเป็นข้อแตกต่างทางวัฒนธรรมของเราเนอะ

แล้วเวลารับสมัครงาน เขาดูแต่มหาวิทยาลัยอย่างเดียวเลยหรอ

ไม่หรอกค่ะ เกรดเขาก็ดูนะ อย่างเมื่อก่อน เด็กเกาหลีพอเข้ามหาวิทยาลัยได้ ปีต้นๆ ก็จะชิล (อารมณ์เหมือนบ้านเราเพิ่งเอ็นท์ติด) แต่ตอนนี้ ไม่ชิลแล้ว ได้ข่าวว่าเรียนกันหนักตั้งแต่ ปีต้นๆ เพราะกลัวจะไม่มีงานทำ !!

เพื่อความชัดเจน ลองไปฟังคลิปนี้ดูนะ

 

เครดิตภาพ : Kim Hong-Ji/Reuters Dek-d

Advertisement

2 thoughts on “การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของคนเกาหลี

Comments are closed.

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑

%d bloggers like this: