ไหว้พระ ณ เมือง “น่าน”

A - 6

ในช่วงที่ลมหนาวพัดโชยมา คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการหนีหายจากทุกอย่าง หลบความวุ่นวายไปไกลๆ สักแห่ง

ถึงแม้จะเป็นช่วงเทศกาลก็ดูไม่พลุกพล่านเท่าที่อื่นๆ แถมเป็นที่น่ายินดีที่ได้รู้ว่า ที่นี่เป็นเพียงไม่กี่จังหวัดที่มีอัตราคนเสียชีวิตในช่วงปีใหม่ทีผ่านมาเป็นศูนย์

จังหวัดเล็กๆ ทื่เรียกตัวเองว่า “น่าน”

A - 15

 

น่านเป็นจังหวัดที่ถูกโอบกอดด้วยภูเขารอบด้านทำให้การเดินทางเข้ามาค่อนข้างยากลำบาก ไม่ได้เป็นจังหวัดที่เป็นทางผ่านสำหรับการเดินทางไปยังที่อื่นๆ

เรียกว่าถ้าหากอยากมาชมนครน่านแล้ว ก็ต้องตั้งใจมาจริงๆ

 


A - 4

 

วิถีชีวิตของชาวน่านในแต่ละวันจึงยังคงเรียบง่าย อาจเป็นเพราะไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ (ณ วันที่เราไป)
ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวบันเทิงในยามค่ำคืนมากมาย
วิถีชีวิตของชาวบ้านจึงยังผูกพันธ์กับตลาดเช้า ตลาดค่ำและโต้รุ่งอย่างเหนียวแน่น

 

 


 

A - 3

A - 17

 

 

 

 

 

อาหารการกินของคนน่านก็คืออาหารเหนือแท้ๆ อย่างเช่นอาหารการกินของคนน่านก็คืออาหารเหนือแท้ๆ อย่างเช่นขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย ซึ่งมักบรรจงเสิร์ฟเป็นกระจับ วางบนใบตอง ดูสวยงามไปหมด

A - 1

 

คนน่าน นอกจากจะสวยมากๆ ตามประสาสาวเหนือแล้ว ยังใจดีและใจเย็นมากๆ อีกด้วย ร้านข้าวซอย (ด้านบน) ที่ฉันไปกิน ถึงแม้ลูกค้าจะแน่นร้านแค่ไหน คนขายก็ยังยิ้มแย้มต้อนรับเสมอ

 

 

ถึงแม้ว่าเด็กผู้ชายข้างโต๊ะฉัน จะทำน้ำหก เจ้าของร้านก็ไม่มีท่าทางโกรธ หรือดุว่าเด็กน้อยเพียงอย่างใด มีเพียงล้อขำๆ ว่า “อย่างนี้ต้องช่วยล้างจาน” ก่อนจะรีบหยิบไม้ถูพื้นมาเช็ดจนแห้ง

 


A - 8

อีกหนึ่งธรรมเนียมที่น่ารักของชาวน่านก็คือหน้าบ้านทุกบ้านจะมีที่งตั้งสำหรับใส่น้ำไว้ ให้คนที่ผ่านไปมาสามารถตักรับประทานได้เสมอ


A - 9

วัดปรางค์เป็นอีกวัดที่ต้องเดินทางออกจากตัวเมืองน่านมาไกล ตั้งอยู่ที่อำเภอ ปัว เป็นวัดที่มีต้นดิ๊กเดียมปลูกอยู่ ซึ่งต้นนี้เขาว่ากันว่าหากเราลูบบริเวณลำต้น ใบของมันก็จะพัดไหว แต่น่าแปลกที่ฉันลองลูบแล้วลูบอีกก็ไม่เห็นว่ามันจะพัดไหวแต่อย่างใด ชวนให้สงสัยว่าตัวเองอาจมีบุญไม่พอ

พระในวัดเล่าให้ฉันฟังว่า ตอนที่เจ้าอาวาสรูปก่อนอาพาธ ต้นไม้ต้นนี้ก็เหมือนรู้ ทำท่าจะตายไปด้วย ใบของมันเหี่ยวเฉาจนน่าตกใจ ทำให้ต้องเร่งทำพิธีกันเสียยกใหญ่ ซึ่งเจ้าต้นดิ๊กเดียมนี้ไม่ว่าจะเอาไปตอนกิ่ง เอาไปเพาะที่ไหนก็ไม่ขึ้น เหมือนเป็นต้นที่เกิดมาเพื่อวัดนี้จริงๆ

เกือบทุกวัดในเมืองน่าน จะมีการวาดลายไทยลงบนผนังวัด เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวตามตำนานชาดก


A - 2DSCN1093

บ่อเกลือ คืออีกหนึ่งไฮไลท์ของจังหวัดน่าน แม้จะต้องนั่งรถออกมาไกลจากตัวเมืองสักหน่อย บ่อเกลือนี้เป็นบ่อเกลือสินเธาว์


 

หากเข้ามาถึงเมืองน่านแล้ว ก็ควรเข้ามาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่รวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมืองน่านได้อย่างละเอียดยิบ ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ ผู้คนเผ่าต่างๆเช่น ม้ง เย้า ทำให้รู้ว่าคนน่านส่วนหนึ่งคือคนจีนที่อพยพลงมา

จึงไม่หน้าแปลกที่จะเห็นคนเมืองน่านผิวขาวสวยแถมยังใจเย็น พูดจาไพเราะตามฉบับสาวเหนืออีกด้วย

ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ก็ไม่แพง ยิ่งเป็นนักเรียนนักศึกษาก็สามารถเข้าชมได้ฟรี

A - 10

สิ่งที่ฉันชอบมากๆ ก็คือตามวัดหรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะมีมัคคุเทศน์ตัวน้อย ตัดผมสั้นทรงนักเรียนหน้าตาเกลี้ยงเกลาคอยบรรยายเรื่องราวต่างๆให้กับนักท่องเที่ยวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ช่างเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเด็กๆ ที่ทำให้พวกเขาได้เห็นคุณค่าของบ้านเมืองตัวเอง และเป็นการใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ


A - 7

หนึ่งสถานที่ที่ยิ่งกว่าประทับใจจะว่าหลงรักเลยก็ว่าได้คือการได้มาสักการะ “พระธาตุแช่แห้ง” ในยามค่ำคืน พระธาตุแห่งนี้เรียกว่าเป็นอนุสรณ์แห่งความรักระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ

ฉันได้เดินเวียนรอบพระธาตุ 3 รอบ พร้อมท่องบทสวดประกอบ ไม่น่าเชื่อว่าการได้มาไหว้พระในตอนกลางคืนจะทำให้จิตใจของเราสงบมากขึ้นได้อย่างน่าประหลาด อาจเป็นเพราะคนรอบข้างมีไม่มาก ทำให้เราเดินสมาธิได้ในแบบสบายๆ

อีกทั้งอากาศรอบข้างก็ค่อนข้างหนาว ทำให้ทุกครั้งที่ฝ่าเท้าเปล่าจรดกับพื้นเย็นๆ เหมือนเป็นการเตือนสติตัวเองอยู่ในทีว่าเรากำลังเดินอยู่

แถมภายในวัดก็มีการปล่อยโคมลอย เพราะน่านไม่มีตึกสูงเหมือนจังหวัดอื่นๆ เราจึงเห็นโคมของเราลอยสูงขึ้นไปจนลับตา


A - 12

A - 11นอกจากนี้ ฉันยังได้แวะไปอีกหลายวัดในตัวเมืองน่าน หลังจากกราบพระเสร็จก็มีคุณยายที่นั่งอยู่เรียกให้เข้ามาหา พร้อมทำพิธีบายศรีผูกข้อมือ พร้อมกับอวยพรรับปีใหม่ให้

คำอวยพรของคุณยายยาวและฉันก็ฟังออกไม่หมดเนื่องจากเป็นคำกลอนภาษาเมือง จะภาษาเหนือหรือล้านนาก็ไม่แน่ใจ  แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงทุกคำที่ท่านเปล่งออกมาล้วนออกมาจากใจ จากความปราถนาดีที่อยากอวยพรให้เราจริงๆ

 

 

(ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าประสูติ)

กว่าจะกลับบ้าน นอกจากอิ่มเอมใจแล้ว แขนของฉันก็ยังมีเชือกบายศรีผูกอยู่ ซึ่งก็ต้องให้ผู้กไว้ 3 วันจึงแกะออก ตามความเชื่อของคนโบราณ

และฉันก็เชื่อว่าแม้ว่าโลกภายนอกจะหมุนไปข้างหน้าเท่าไหร่ วัฒนธรรมของชาวบ้านเมืองน่านก็จะยังคงเหมือนเดิมเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดไป ตราบใดที่คนรุ่นหลังรักและอนุรักษ์สิ่งที่ปู่ ยา ตา ยายของเขาได้สร้างสมมา

  • พาร์เฟต์-
Advertisement

Comments are closed.

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑

%d bloggers like this: