ปีใหม่นี้ หลายคนก็คงเริ่มต้นกับการทำอะไรใหม่ๆไปแล้วบ้าง คาดว่ามีหลายคนพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นชีวิต การเรียน สุขภาพ ความสวย
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่คาใจหลายคน
เป็นคำถามที่เจอบ่อยมากในเว็บบอร์ดทั่วไปก็คือ
“เรียนอังกฤษไม่เก่งแต่เป็นวิชาที่ชอบ”…อารมณ์แบบอยากเรียนต่อทางสายนี้แต่เรียนวิชานี้ไม่เก่งเอาเสียเลย
หรือไม่ก็ “เกลียดอังกฤษแต่ก็ชอบนะ” เป็นอารมณ์แบบทั้งรักทั้งเกลียด
คนที่เจอปัญหาแนวนี้ ส่วนมากก็จะเป็นน้องมัธยม บางคนก็อาจเริ่มคิดว่าอุ๊ยอยู่ ม.ปลายแล้วเพิ่งขยันเรียนวิชานี้สายไปไหมเนี่ย
บอกได้เลยว่าไม่สายไป (จริงๆ อยากบอกว่า ไม่มีคำว่าสายไป) แต่ช่วงมัธยมเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะหมายถึงการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ตาม
สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือ “ทัศนคติ”
เราจะรู้สึกว่าวิชานั้นยากหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกที่เราจะต้องเอาชนะ ต้องเดินผ่านมันไปให้ได้ (ได้คะแนนดีด้วย >_<)
ถ้าเรามีความรู้สึกนี้แล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือ ความขยัน
อย่างพัก วอนฮี ความรู้สึกเราคือเขาเทพเลข เก่งเลข และชอบเลขมากๆ แต่ก่อนหน้านี้ ตอนเขาอยู่ ม.1 เขาก็เคยเจอปัญหานี้เหมือนกันคือ เลขเป็นวิชาที่เขาอ่อนที่สุด แต่สิ่งที่เขาทำคือ “ไม่ยอมแพ้ และสู้ัมัน”
เราไม่รู้ว่าเขาชอบเลขหรือเปล่า แต่จริงๆ เมื่อเราพยายามทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้ เราก็จะรักมันขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งต่อมาหลังจากเขาผ่านช่วงความยากลำบากกับการฝ่าฝันกับเลขแล้ว เลขก็กลายเป็นวิชาโปรดของเขาเลย
หรืออย่างเรา เมื่อก่อนภาษาอังกฤษเราแย่มากๆ (นี่คือสาเหตุที่เวลามีคนถามว่าหนูไม่เก่งอังกฤษทำยังไงดี แล้วเราถึงตอบได้ดี) ก็คือต้องฝ่าฝันกับมันนั้นแหละ ในใจลึกเราอาจรู้สึกชอบมันมั้ง ก็เลยทำให้มีแรงที่จะสู้กับมัน
จากตอนจบป.6 ยังแทบไม่รู้จัก Tense เลยมั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ ถึงตอนนี้จะไม่ได้เก่งเวอร์มากเหมือนพวกเทพๆทั้งหลาย แต่เราว่ามันก็น่าจะอยู่ระดับโอเคนะ…เพราะอย่างน้อย ก็มีมหาวิทยาลัยในเมกาตอบรับ (ถึงจะไม่ใช่ Top 10-20 ก็เหอะ TT)
ถ้าถามตอนประถม วิชาที่เก่ง(ชอบหรือเปล่าไม่แน่ใจ) ที่สุดคือเลข และวิทย์ ส่วนเกลียดสุดคือศิลปะกับอังกฤษ (วาดรูปไม่เป็น) ตอนนี้ผ่านไปแค่ 7 ปี วิชาที่ชอบที่สุดคืออังกฤษและอื่นๆ ส่วนที่เกลียดที่สุดคือศิลปะ (เหมือนเดิม…วาดรูปยังไม่เป็น) และ 2 วิชาที่เคยชอบนั่นแหละ
เลยอยากบอกว่า ช่วงเวลามัธยมเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดนะ อยากให้เริ่มต้นว่าเราชอบอะไรก่อน แล้วก็พยายามพัฒนาด้านนั้นอย่างเต็มที่
เพราะจริงๆ เราเชื่อว่ามัธยม คือช่วงเวลาที่เรารู้ตัวเองแล้วละ ว่าชอบวิชาอะไร แค่ไม่กล้าเลือกในสิ่งที่ชอบเท่านั้น
อ้อ อีกอย่างคือ คนเรียนหนักไม่จำเป็นต้องเครียดเสมอไป ทุกอย่างอยู่ที่ทัศนคตดิ (Attitude อย่างเดียว) เพราะคนเรียนไม่หนักก็อาจเครียดได้
เรานี่เลย
เรียนวิชาภาษาอะไรได้หมด
แต่อิ้งไม่เคยได้
ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มเรียน ก็ไปรอด
จีน นั่งฟังเพื่อนที่เรียนวิชาเลือก ฟังไปฟังมาก็ได้ตามเพื่อน
แต่อิ้ง ทั้งเรียนพิเศษ เรียนของมหาลัย เรียนอะไรต่าง ๆ นานา ไม่เคยได้เลย
จริง ๆ มันก็ขึ้นกับทัศนคติ แล้วก็ความมุ่งมั่นจริง ๆ
เช่นตอนปี 1 อิ้งได้ B มาเพราะตอนนั้นบอกตัวเองว่าไม่เอา (ทั้ง ๆ ที่มันง่ายมาก สอบกาหมด)
แต่พอ ปี 1 เทอม 2 อาจารย์บอกว่าอิ้งจะเป็นข้อเขียน เราก็แบบ…ข้อกา ยังได้แค่ B แล้วข้อเขียนมันจะไม่ตกไปที่ C หรือ D เหรอ???
ก็เลยบอกตัวเองใหม่ว่า ได้ไม่ได้ก็ต้องอ่าน เกลียดแค่ไหนก็ต้องเรียน สุดท้ายได้ B+ ทั้ง ๆ ที่มันยากกว่า อิ้งตัวแรก =.=” #งงเหมือนกัน