Original article translated from Creating link between you & the language by hangukdrama
เวลาเราเริ่มเรียนภาษาใหม่ๆ ไปได้สักพักหนึ่ง เราก็อาจเริ่มมีคำถามกับตัวเองว่า เราจะรักมัน เราจะเรียนมันได้นานเท่าไหร่..ก่อนที่จะเบื่อเสียก่อน
ตอนแรกที่เราเริ่มเรียนภาษาใหม่ เราจะมีเหตุผล มีแรงบันดาลใจมากมายที่ทำให้เราเรียน ตั้งแต่เรื่องงาน ดารา เพราะมีเวลาว่าง ฯลฯ
แต่ปัญหาคือ เพราะแรงจูงใจพวกนี้มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป สักพักก็อาจมีภาษาใหม่ๆ เข้ามาทำให้เราอยากเปลี่ยนไปเรียนภาษาอื่น (เราเป็นตลอด..อยากเรียนเกาหลี TT) หรือไม่ก็ดาราที่เราชอบเปลี่ยนคนไปเป็นชาติอื่นๆ
การเรียนภาษาคือกิจกรรมที่ต้องใช้ “ความขยันและความอดทนมากๆ” เหมือนกับการสร้างบ้าน ไม่ใช่เรียนแล้วจบ สอบผ่านแล้วจบ มันคือสิ่งที่เราต้องทบทวน คอยดูแลสิ่งที่สร้างมาแล้วไม่ให้หายไป
บางคนอาจมีแรงจูงใจที่ดี แต่ก็จะติดอยู่กับปัญหาบางอย่างเช่น แย่แกรมม่า จำคำศัพท์ไม่ได้(เราเอง) สำเนียงพูดประหลาดๆ ซึ่งแต่ละคนจะมีจุดอ่อนแตกต่างกันออกไป
ตอนที่คนเขียนบทความนี้เริ่มเรียนภาษาเกาหลี เขาเลือกเรียนเกาหลีเพราะอยากลองเรียนภาษาต่างชาติดู หลังจากนั้นไม่กี่เดือน Link ระหว่างเขากับภาษาก็ได้ถูกสร้างขึ้น ทำให้เขาใกล้ชิดกับเกาหลีมากขึ้น
Link ที่ว่าคือการทำตัวเราให้เชื่อมโยงกับภาษาและประเทศต้นกำเนิดมากที่สุด ไม่ใช่การเรียนจากตำราอย่างเดียว การเรียนภาษากับคุณครูแทนที่จะเรียนเองก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำใ้ห้ Link ของเรากับภาษาแข็งแรงขึ้น (ไม่ใช่ว่าการเรียนเองไม่ดีนะ) หรืออย่างใครเรียนเกาหลี อาจลองเรียนจากเว็บ Talktomeinkorean ที่มีครูมาสอนทีละบทๆ ก็ได้
สำหรับคนเขียน เขาบอกว่าภาษาเกาหลีไม่ใช่แค่ภาษาที่อยู่ในกระดาษ(หรือในหนังสือ) แต่มันคือชุมชนหนึ่งที่เขาบอกว่า Korean became real to me เขาตั้งหน้าตั้งตารอเรียนบทใหม่ๆทุกครั้ง รวมถึงการเรียนวัฒนธรรมของเกาหลีด้วย
หลังจาก Link ของเขาแข็งแรงขึ้น เขาก็เลิกถามตัวเองว่า “เขาจะเรียนภาษานั้นได้นานแค่ไหน” แต่เปลี่ยนมาเป็น ตั้งตารอเรียนบทใหม่ๆ ทุกวัน
เขาซื้อหนังสือประวัติ Bigbang โดยบังเอิญ(โดยที่ไม่รู้จัก Bigbang) พออ่านแล้วรู้สึกว่าพวกนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขามากๆ เขาลองฟังเพลง BB ใน YT แล้วก็กลายมาเป็น VIP อย่างทุกวันนี้- Another link created.
มีเพื่อนออนไลน์เป็นคนเกาหลี Another link created.
กินอาหารเกาหลีครั้งแรก. Another link created.
สร้างบล็อก(เกี่ยวกับการเรียนเกาหลีและบล็อก Naver เป็นภาษาเกาหลี). Another link created.
และลิตส์พวกนี้ก็สามารถมีไปเรื่อยๆ ลิงค์พวกนี้แหละที่เขาบอกว่าทำให้เขารู้สึกมั่นคงกับภาษาเกาหลีมากขึ้น เพราะเขาไม่คิดว่าเขจะตัดมันออกได้ง่ายๆ
เขาบอกว่าทริคสำหรับเราภาษาต่างประเทศคือพยายามหาลิงค์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วอย่าลืม “เรียนภาษานั้นด้วย” อย่ามัวแต่สร้างลิงค์ และพยายามให้การเรียนภาษามาเป็นงานหลัก งานประจำอย่างหนึ่ง ไม่ใช่แค่เรียนตอนเวลาว่าง….เพราะเวลาอ่ะ ไม่เคยว่างหรอก
Translated by Parfait(s)
สุดท้าย ไม่ชอบดารา นักร้องประเทศนั้น จะเรียนภาษาเขารอดไหม
สำหรับเรา เราว่ารอดนะ แต่จะยากตรงที่เราจะเสีย Link ตรงนี้ไป (แต่ไม่เป็นไร หา link อย่างอื่นแทนได้)
ตัวเราเองก็เรียนภาษาญี่ปุ่นมาเรื่อยๆ จริงจังก็ประมาณ 7 เดือน แต่ถ้าตั้งแต่เริ่มคัดฮิรางานะแบบเรียนๆ หยุดๆ ก็เกือบๆ 3 ปีแล้ว โดยที่เราไม่เคยชอบหรือคลั่งดาราญี่ปุ่นเลย…(ตอนนี้เริ่มดูหนัง ละครญี่ปุ่นได้บางเรื่อง) เพลงก็ไม่ค่อยฟัง (เราฟังแต่ Ballad แล้ว Ballad ญี่ปุ่นหายากมาก) มังงะไม่อ่าน อนิเมะไม่ดู ^_^
ตอนแรกเราก็ไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันว่าจะรอดหรือเปล่าเนี่ย กับภาษาญี่ปุ่น สิ่งที่ชอบมีแค่หนังสือ ประเทศ วัฒนธรรม อาหาร คน (คนทั่วไปไม่ใช่ดารานะ) ยิ่งตอนเราเริ่มเรียนแรกๆ เคยดูหนังญี่ปุ่นแค่เรื่อง 2 เืรื่องเองมั้ง =_=
จนเราได้มาอ่านบทความของ Hangukdrama เขาเป็นคนที่เริ่มเรียนภาษาเกาหลีโดยที่ไม่ได้ชอบนักร้อง หรือดาราเกาหลีมากมาย แต่ก็เรียนเองจนตอนนี้่ผ่าน TOPIK ระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดแล้ว (เรียนเองด้วยนะ) จนตอนหลังเขาถึงมาชอบ Bigbang
พอได้มาอ่านเรื่องลิงค์ตัวเรากับภาษาแล้วถึงเข้าใจ ว่าทำไมเราเรียนเยอรมันไม่รอด
– เราไม่เคยไปเยอร์หรือออสเตรียก่อนที่จะเรียนเยอรมันจบ..ไม่รู้ว่าประเทศนี้เป็นไง ชื่อเมือง แผนที่ยังจำไม่ได้เลย (คือตอนนั้นยังจำญี่ปุ่นได้มากกว่า =_=)
– เราไม่ชอบอาหารเยอรมัน ..เอาให้ถูกเราไม่ชอบอาหารตะวันตกเลยจะถูกกว่า ถ้ามีใครพาไปกิน จะทรมานมาก TT (แต่ก็มีชีวิตรอดจากเยอรมันมาได้ 10 วันโดยไม่แตะไส้กรอก ขาหมูเยอร์ ขนมปังและเบียร์ )
– ไม่ดูหนังเยอรมัน เยอรมันมีหนังด้วยหรอ?? เอ่อ ไม่รู้เหมือนกัน
– ไม่มีคนเป็นแรงบันดาลใจ คนเยอรมันหล่อนะยอมรับแต่ชอบซงจุงกิอ่ะ (รักเดียวไม่เปลี่ยนใจ55+)
– และอีกหลายอย่างมากๆ
การสร้าง Link กับภาษาคือคำตอบว่าทำไม คนที่เรียนอยู่ประเทศนั้นๆ ถึงเก่งภาษาได้เร็วกว่า นอกจากเหตุผลว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นแล้ว อีกสิ่งที่เขาได้คือการสร้าง Link กับภาษานั้นได้มากกว่า และเขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ต้องพยายามพูดให้เหมือน Native พูดให้ได้เหมือนภาษาแม่
ในขณะที่คนที่เรียนภาษาโดยไม่ได้ไปที่ประเทศนั้น จะรู้สึกว่าเรากำลังเรียนภาษาที่ 2 ที่ 3 (รู้แค่นี้ก็เก่งแล้ว) แรงกระตุ้นจึงอาจน้อยกว่า
หนังสือประวัติศาสตร์ Bigbang นี่หมายถึง คน หรือ ทฤษฎีคะ?? 555
คือเราเป็น VIP อ่ะค่ะ แล้วก็ชอบจีดร้ากอนโดยบังเอิญได้อ่านประวัติของเขาโดยที่ไม่รู้หน้าคร่าตามาก่อนเลย (555 แปลกมาก รักนางด้วยใจจริงๆค่ะ)
ถ้าเป็นเกี่ยวกับคนนี่เป็นภาษาอะไรคะ ไทย หรือว่า เกาหลี คือเราอยากได้อ่ะค่ะ อยากเอาไปให้เพื่อนอ่าน เพื่อนเราเพิ่งมาชอบ BIGBANG (ชอบจียง) แล้วตอนนี้นางก็ท้อแท้เพราะเรียนหนักมาก เลยอยากให้นางได้อ่านประวัติและความมุ่งมั่นของจียง เพื่อให้นางมีกำลังใจและสนุกไปกับสิ่งที่ตัวเองเลือกอ่ะค่ะ
ป.ล. ตอนที่เราอ่านอ่ะ ไปขุดมาจากเว็บไซด์ไหนก็ไม่รู้ หายไม่เจอแล้ว รบกวนด้วยนะคะ
บอกไว้ก่อนว่าโพสนี้เราไม่ได้เขียนเองนะ << แปลเขามาอีกที (แต่คนเขียนเรื่องนี้เก่งภาษาเกาหลีมากๆ)
BB ที่ว่าหมายถึงคนค่ะ 55+ เป็นภาษาเกาหลีค่ะ
ส่วนตัวของเราก็ชอบ จีดราก้อนเหมือนกัน เห็นความตั้งใจ+ทุ่มเท+ขยันของนางแล้ว เราต้องพยายามมากขึ้นอีกหลายเท่า ^_^