วันนี้พอดีเพิ่งกรอก Housing Application Form หรือการเลือกหอพักเสร็จก็เลยจะมาเล่าให้ฟัง ถึงเรื่องกินๆ อยู่ๆ และสุขภาพด้วย
ย้อนกลับไปก่อนก็คือ เมื่อเราได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยแล้วและตัดสินใจจะไปเรียน! เราก็ต้องจ่าย Deposit หรือเงินมัดจำว่าจะเข้าเรียนที่นี่ โดยเขาก็จะส่งเอกสารอีกมากมายตามมา หนึ่งในนั้นก็คือแบบฟอร์มการเลือกหอพัก
เนื่องจากนักเรียนปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเกือบทุกที่ในอเมริกาจะบังคับ นักเรียนปีหนึ่ง (และอาจรวมปีสองด้วย) ให้อยู่หอพักของมหาวิทยาลัย โดยค่าหอพักเขาจะเรียกกันว่า Room & Board ซึ่ง Room ก็หมายถึงค่าห้องพัก ส่วนตัวหลังหมายถึงอาหาร เราต้องจ่ายรวมกันนะ
มาพูดถึงเรื่องการกินก่อน
แต่ละมหาวิทยาลัยจะมี Meal Plan ให้เราเลือก เราก็เลือกปรับให้เหมาะกับสไตล์การกินของเรา Board Buck ที่เห็น ก็คือเงินที่ตีกลับมาเป็นดอลล่านั่นเอง แต่สามารถใช้ได้แค่ภายในคาเฟ่หรือโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
อันนี้คือตัวอย่าง Meal Plan ของมหาวิทยาลัยเรา
Plan | Number of Meals | Guest Meals | Board Bucks (Per Semester) |
---|---|---|---|
Block Plan I | 158 meals per semester | 10 per semester | 350 |
Block Plan II | 130 meals per semester | 10 per semester | 500 |
Weekly Plan I* | 14 meals per week | 10 per semester | 100 |
Weekly Plan II* | 9 meals per week | 10 per semester | 500 |
Flex Plan | 101 meals per semester | 10 per semester | 650 |
โดยคำว่า Board Buck ก็คือเงินดอลล่าห์นั่นเอง แต่สามารถซื้อได้เฉพาะในร้านของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
มาถึงเรื่องการอยู่
อย่างที่บอกว่าแน่นอน เด็กปีหนึ่งต้องอยู่หอ โดยห้องแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีห้องแตกต่างกันไป ของเรามี Single, Double, Tripple และ Quad ซึ่งเด็กปีหนึ่งไม่ได้อยู่ Single หรอก ก็คือเราต้องมีรูมเมตนั่นเอง
สำหรับการเลือก Roomate นั้น ถ้าเรามีเพื่อนสนิทไปเรียนที่เดียวกัน ก็สามารถเป็นรูมเมตกันได้ แต่ถ้าใครไปคนเดียวเหมือนเรา ก็ให้คอมพิวเตอร์เป็นคนหารูมเมตให้ โดยมหาวิทยาลัยเรา เขาก็จะให้เราตอบคำถามดังนี้
- คุณเป็นคนรักสะอาด/ห้องนอนเรียบร้อยไหม (always /sometimes /never)
- วันธรรมดา คุณนอนกี่โมง (ก่อน 5 ทุ่ม/5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน/เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง/หลังตีหนึ่ง)
- คุณชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืนไหม (Y/N)
- คุณอ่านหนังสือในตอนกลางวันไหน (Y/N)
- คุณชอบอ่านหนังสือในห้องนอนไหม (Y/N)
- คุณอ่านหนังสือไปฟังเพลงไปไหม (Y/N)
- คุณอ่านหนังสือไปดูทีวีไปไหม (Y/N)
- คุณจะมีแขกเข้ามาหา (มาพัก) ไหม (Y/N)
- สูบบุหรี่ไหม (Y/N)
ซึ่งกว่าจะรู้รูมเมตและห้องพักที่ได้ก็นู่น…กรกฎา
Public bath VS Pivate Bath
ถ้าเราพักห้องปกติ ก็จะต้องใช้ห้องอาบน้ำรวม ซึ่งถามๆ รุ่นพี่มา ห้องอาบน้ำรวมก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนไทยหลายคนคิด ไม่ต้องเอาผ้าถุง ผ้าขาวม้า หรือขันไปนะ!
แต่ถ้าใครได้ห้องที่เป็น Suit style เราก็จะมีห้องนั่งเล่น (ซึ่งใช้ร่วมกันเพื่อนอีก 3-5 คน) และห้องน้ำที่ใช้กันเอง…แต่ข้อเสียคือ ก็ต้องล้างห้องน้ำกันเองด้วยเน้อ
มาต่อกันที่ เรื่องสุดท้าย เรื่องสุขภาพ
สุขภาพที่่ว่าคือเรื่องวัคซีนและประกันสุขภาพ
วัคซีน นี่เป็นกฎของแต่ละรัฐ แต่ละรัฐคงมีกฎไม่เหมือนกัน(มั้ง) แต่ของเรา MA นักเรียนต่างชาติต้องฉีดวัคซีนให้ครบ โชคดีที่เราฉีดครบ เลยรอดไป (ถ้าใครไม่เคยเป็นอีสุกอีใสก็เหมือนต้องฉีดด้วยนะ) แต่เราเคยก็เลยข้ามไป
เหลือแค่เอาแบบฟอร์มไปให้หมอกรอก…ไปเรียนอเมริกานี่ เราจะปวดหัวตายเพราะเรื่องเอกสารนี่แหละ โชคดีที่แม่เราอยู่ทางสายการแพทย์ อ่านเรื่องวัคซีนแล้วเลยเข้าใจ
เพราะถ้าให้เราอ่านเองหรอ…พรุ่งนี้ก็คงยังไม่เสร็จ (ศัพท์แพทย์แต่ละอย่าง….ไม่เคยเห็นอ่ะ)
ขอบคุณแม่นะ รักที่สุดในโลก >_<
เรื่องสุดท้าย ประกันสุขภาพอันแสนแพง
ราคาต่อปีประมาณ 1200 เหรียญ หรือสี่หมื่นกว่าบาท บางคนบอกว่าเหมือนเอาเงินไปทิ้ง..ก็คงจริง ถ้าไม่ใช่คนที่ป่วยบ่อยขนาดนั้น
แต่สำหรับคนที่คิดว่าจะเลี่ยงหรอ เราแนะนำว่าอย่าเลย เพราะที่นี่ ค่ารักษาแพงมากๆ โคตรๆ เผลอๆ ถ้าไม่มีเงิน ไม่รู้ว่าเขาจะรักษาให้หรือเปล่า
แต่มีประกันสุขภาพก็ปลอดภัยได้ว่า ถ้าป่วยก็มีประกัน เพราะใครจะไปรู้ อุบัติเหตุเกิดได้ทุกเมื่อ หน้าหนาวอาจเดินๆ อยู่ลื่นล้มตรงพื้นที่เป็นน้ำแข็งก็ได้