ก่อนอื่น ขอบอกก่อนว่าโพสนี้เราขอรวบรวมสิ่งที่เราเคยเห็น เคยได้ยินและเคยทำมาเล่าให้ฟัง งานบางส่วนเราก็ไม่เคยทำ (เช่นงานเสิร์ฟ เด็กล้างจาน ฯลฯ) โพสนี้เขียนเผื่อไว้สำหรับใครที่จะมา WAT ด้วยโดยเฉพาะสำหรับหางานสอง งานสาม จริงๆ ก็อยากแนะนำให้ลองไปทำพวกร้านฝรั่งเลย ไหนๆ ก็ได้มาแล้ว แต่ถ้าอยากกินข้าวฟรีก็แนะนำร้านไทย เท่าที่รู้มา ร้านไทยเกือบทุกร้านมีข้าวฟรีให้กินหมดค่ะ
ถูกหรือผิดกฎหมาย
คนที่ทำร้านอาหารไทยก็จะมี 3 ประเภท คือ
1. ถูกกฎหมาย
คือคนที่มีกรีนการ์ด / มีสัญชาติอเมริกา/ทำ OPT คนพวกนี้ทำงานและเสียภาษีถูกกฎหมาย ส่วนวิธีการได้ใบเขียวมาได้ไง เท่าที่เห็นส่วนมากไม่แต่งงานก็ตามญาติพี่น้องมา ซึ่งเด็กที่มา WAT ก็จะถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้
2. คนโดดวีซ่า
พวกนี้คือคนที่วีซ่าขาด ส่วนมากเข้าด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีแค่คนไทยเท่านั้น ยังมีคนพวกอเมริกากลาง/เม็กซิกัน ที่เยอะมากๆ พักหลังๆ คนเหล่านี้ก็เริ่มมาทำในร้านอาหารเอเชียด้วย เดี๋ยวนี้บางทีเข้าร้านเกาหลี ในครัวเป็นคนอเมริกากลางหมดเลย เพราะคนเกาหลีคงไม่ทำงานในครัวกันแล้วมั้ง…
3. พวกนักเรียน
ตามกฎหมายแล้ว เด็กนักเรียนทำงานร้านอาหาร “ไม่ได้” นะคะ ที่ได้ยินคนพูดว่า “มาเรียนไปด้วย ทำงานร้านอาหารไปด้วย” คือ ‘ผิดกฎหมาย’ ทั้งนั้น ส่วนมากเป็นเด็กมาเรียนภาษา
อัตราส่วนคนที่ถูกจับได้/ส่งกลับน้อยมาก เราว่าไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ แต่ก็ยังมี ใครที่ทำก็ระวังตัวกันแล้วกันนะ (หลักๆ คือ เรื่องรับเงิน พยายามรับเงินสด แล้วใช้จ่ายส่วนตัวด้วยเงินสดเอา จะปลอดภัยที่สุด)
ตอนนี้เราไม่ได้ทำงานร้านอาหารแล้วก็เลยเอามาเล่าให้ฟัง พยายามอย่าบอกใครโดยเฉพาะพวกนักเรียนต่างชาติด้วยกัน (บอกคนเมกันได้นะ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ว่าเด็กต่างชาติ ห้ามทำ 55) แต่ถ้าให้ดีก็เงียบๆ ไว้ดีกว่านะ
หางานยังไง
ถ้าอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ บางทีเขาจะมีเว็บคนไทย ก็เข้าไปหา เขาจะโพสงานกันตลอด ก็โทรไปสมัคร ไปสัมภาษณ์ ลองทำงาน แล้วก็แล้วแต่ว่าจะได้ทำไหม แต่สำหรับคนที่อยู่เมืองไม่ใหญ่มาก ก็อาจได้งานจากเพื่อนหรือคนรู้จัก ถ้าไม่มีใครรู้จัก ก็แนะนำให้เดินเข้าไปสมัครในร้านเลย ขอคุยกับเมเนเจอร์แล้วก็บอกว่าอยากสมัครงาน หรือลองโทรไปถามก่อนก็ได้
- ของบอสตันเข้า bevariety (รวมถึงพื้นที่แถวๆ new england)
- ของ นิวยอร์ค หาตาม group คนไทยในนิวยอร์คทั้งหลาย มีคนมาโพสงานตลอด
จากประสบการณ์ร้านอาหารเป็นอะไรที่มีคนเข้าๆ ออกๆ ตลอดเวลา ฉะนั้นส่วนมากเขาก็จะต้องการคน ยิ่งร้านไทยที่เจ้าของเป็นคนไทย ส่วนมากก็จะอยากได้ลูกจ้างเป็นคนไทยอยู่แล้ว เพราะว่าคุยง่ายกว่า
ปัญหาของร้านอาหารอย่างหนึ่งตอนนี้รวมถึงคนหางานก็คือ คนหาร้านไม่ได้ ร้านก็หาคนไม่ได้ เนื่องจากมันไม่มีสื่อกลางในการสื่อสาร ส่วนมากร้านอาหารเวลารับคนก็จะดึงจากคนรู้จัก เพื่อนของเพื่อนกันไป (ไม่ใช่เส้นสายนะ) เป็นวิธีการปากต่อปาก บอกต่อ ว่าร้านนี้ขาดคนไรงี้
ตำแหน่งงานในร้านอาหาร
ตำแหน่งงานในร้านอาหาร ถ้าเป็นร้านใหญ่ๆ จะมีตำแหน่งเยอะมาก แต่ถ้าเป็นร้านเล็กๆ ก็จะตำแหน่งคนทำน้อยลง ทีนี้มาดูตำแหน่งแบบเต็มๆ กันนะ ถ้ามีโอกาสมาอเมริกา ก็ลองเข้าร้านอาหารใหญ่ๆ ดู จะเห็นภาพเลย เริ่มจากหน้าร้านก่อน
- โฮส Host: โฮสคือคนที่ยืนต้อนรับลูกค้า จะเป็นคนที่พาลูกค้าไปนั่งโต๊ะ เอาเมนูไปให้ เป็นงานที่ค่อนข้างสบายแต่เงินไม่เยอะ ได้เป็นชั่วโมง ส่วนมากเน้นบุคลิกดี หน้าตาพอได้ ภาษาได้ แต่บางคนก็บอกว่าเป็นงานที่น่าเบื่อ 55
-
เสิร์ฟ (คนไทยที่นี่จะเรียก “เวท”) ก็คือคนที่รับออเดอร์ คอยดูแลลูกค้า ไถ่ถาม ให้คำแนะนำ ฯลฯ ได้เงินเป็นค่าทิป บางร้านก็มี base ให้เช่นชม.ละ 2 เหรียญ แต่ส่วนมากจะไม่มี
-
รันเนอร์ คือคนที่เอาอาหารจากครัวมาส่งที่โต๊ะ
-
บัส (บัสบอย) คนที่เก็บกวาดโต๊ะ แล้วก็บางทีต้องเติมน้ำให้ลูกค้าด้วย มีเงินรายชั่วโมง แล้วก็ได้ทิปบางส่วนที่แบ่งมาจากเวท (ส่วนมาก สิบเปอร์เซนต์)
–แคชเชียร์ ก็คิดเงินอ่ะจ้ะ บางทีก็ปิดบัญชีร้านด้วย อาจต้องรับโทรศัพท์รับออร์เดอร์สั่งกลับบ้านด้วย ข้อเสียของตำแหน่งนี้มีอย่างเดียวคือถ้าเงินหาย ไม่ครบปิดบัญชีไม่ลงก็ต้องออกเอง
อันนี้คืองานแบบจัดเต็ม ใครอยากเห็นภาพลองมาร้านอาหารใหญ่ๆ ร้านฝรั่งในอเมริกาดู พอเราเข้าร้านปุ๊บก็จะมีพนักงานหน้าตาดีหน่อย ดูคล่องแคล่งพาเราไปที่โต๊ะ พร้อมหยิบเมนูให้เรา พอนั่งไปสักพัก ก็จะมีเวทเดินมาแนะนำตัว บอกว่า “ฉันชื่อ… I’m your waitress for tonight” แล้วส่วนมากก็จะถามว่าจะรับอะไรมาดื่มไหม แล้วสักพักก็มารับออร์เดอร์ (ถ้าอยากให้เขามารับออร์เดอร์ ให้วางเมนูลงบนโต๊ะค่ะ ถ้าว่างแล้วไม่มาค่อยกวักมือเรียก)
สักพักก็จะมีคนยกอาหารมาเสิร์ฟเรียกว่ารันเนอร์ (บางร้านก็เวทยกเสิร์ฟเอง) สักพักเวทก็จะมาเดินถาม มาเติมน้ำฯลฯ กินเสร็จเรียกเก็บเงิน เวทก็จะไปเอาใบเสร็จจากแคชเชียร์มาให้ เราก็จ่ายตังค์ ให้ทิป (อย่าลืมนะ 55) แล้วก็เดินสวยๆ ออกจากร้าน เวทก็จะมาเอาใบเสร็จไป แล้วบัสบอยก็จะมาเก็บกวาดพร้อมจัดโต๊ะใหม่
ทีนี้ ถ้าเป็นร้านเล็กๆ ลงมาหน่อยล่ะ เช่นร้านอาหารไทย ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่ใหญ่มาก ส่วนมากจะมี 2 ส่วนคือแคชเชียร์กับเวท แคชเชียร์ทำคิดเงิน รับโทรศัพท์ แล้วก็จะมีเวท เป็นคนที่มาเทคออร์เดอร์ ยกอาหาร และเก็บโต๊ะ (คือเป็นเวท + บัส + รันเนอร์)
มาต่อกันที่ในครัว
- มือผัด/มือแกง ฯลฯ แล้วแต่จะเรียกก็คือพ่อครัวนั่นแหละ ส่วนมากได้ค่าแรงเป็นวันค่ะ ถ้าเรทแถวบอสตันจะอยู่ประมาณ $120-$130 ต่อวันทำงานประมาณ 10-12 ชั่วโมง
-
แอพ คือคนทำพวก appetizer หรืออาหารว่าง ก็มีหลายอย่างนะ ส่วนมากที่เห็นๆ ก็เช่น dumpling/ ทอดปอเปี๊ยะ ส่วนมากถ้าไม่เป็นของทอดก็เป็นของยำ (บางร้านส้มตำก็เป็นแอพ) เป็นอะไรที่ไม่ยาก เพราะของส่วนมากมาเป็นแช่แข็งอยู่แล้วก็จับโยนลงไปทอดอย่างเดียว แต่ถ้างานว่าง เราคิดว่าจะโดนให้ไปช่วยพ่อครัวด้วย อย่างเช่นหั่นผัก ค่าแรงจะอยู่ที่ $80-90 คือน้อยมากกกก
-
เด็กล้างจาน ไม่ต้องล้างมือทุกจานนะ ที่นี่เขาใช้เครื่องล้าง (เป็นกฎหมาย) ค่าแรงก็น่าจะเท่าๆ กับแอพ ส่วนมากนอกจากล้างจานแล้วก็ไปเป็นลูกมือช่วยทำนู่นนั่นนี่
นอกเหนือจากนั้น ก็จะมีตำแหน่ง
- Packer/Togo คือคนแพ็คของสำหรับลูกค้าที่สั่งกลับบ้าน เคยได้ยินว่าคนที่มาทำงานใหม่ๆ จะถูกจับมาลงตรงนี้ก่อนเพื่อให้จำเมนูให้ได้ ค่าแรงเท่ากับแอพ
-
delivery คือคนขับรถไปส่งอาหารนั่นเอง ส่วนตัวเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานนี้เท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องเงินเพราะร้านที่เราทำไม่มีไดรเวอร์ แต่ต้องมีรถตัวเองแล้วก็แน่นอนว่าขับรถได้ ได้เงินรายชั่วโมง + เงินค่าส่ง (นับเป็นเที่ยว) + ทิปจากลูกค้า
side-job คืออะไร ใครทำ
ส่วนมาก เจ้าของร้านเขาจะแบ่งอยู่แล้วว่าใครทำอะไร ก็มีตั้งแต่ปัด กวาด ล้างห้องน้ำ ฯลฯ
ภาษาไม่เป๊ะ ทำงานได้ไหม
ส่วนตัว เราแนะนำเด็กๆ ทุกคนให้ลองทำงานหน้าร้านดูนะคะ เป็นโฮส เป็นเวทอะไรก็ได้ อย่างน้อยก็จะได้มีโอกาสได้พูดคุยลูกค้า ถ้าจะทำในครัวกลับไปทำที่ไทยก็ได้เนอะ ส่วนภาษาจริงๆ เราว่าไม่มีอะไรมากหรอก ส่วนมากก็ได้พูดแต่ประโยคเดิมๆ “Hi May I help you?” พูดวันหนึ่งเป็นร้อยรอบอ่ะ 55
สิ่งที่จะได้เจออีกอย่างในงานร้านอาหาร คือจะได้ลิ้มรสของคำว่า “เงิน” มากขึ้น จะได้เจอคนหลายๆ คน (เกือบทุกคน) ว่าเขาตีความสำคัญของเงินมากแค่ไหน จะรู้ว่าเงินมันสำคัญ มันมีอิทธิพลต่อชีวิตคนมากแค่ไหน เป็นสังคมที่อยากเชิญพวกโลกสวยแบบมากๆ มาอยู่ แล้วจะช็อก 55
เมนูขายดีที่สุดในสามโลก เราเห็นจนจะอ้วก 55 ส่วนเมนูรองลงมาก็คงเป็นข้าวผัด/แกงเขียวหวาน (ที่นี่จะเรียกว่า Green curry)/ แล้วก็พวกผัดซีอิ๊ว กับผัดขี้เมาไรงี้ ส่วนแอพ ร้านเรา dumpling ขายดีสุก ชาไทยก็ขายดีนะ 🙂
เล่า เราเคยทำงานอะไร
ส่วนตัวเราไม่เคยทำงานในร้านอาหารจริงๆ จังๆ ค่ะ (แต่เคยไปช่วยเป็นครั้งคราว) งานที่เราทำจริงจังคือทำในฟู้ดคอร์ท ตำแหน่งจริงๆ มันคือเป็น FOH คืองานหน้าร้าน ทำทุกอย่างเป็นทั้งแคชเชียร์ + เวท + แพคของ To go + แอพ (เราทำแอพด้วยนะ ต้มชาด้วย55 ต้ม dumpling ด้วย ทำซอสด้วย) ก็สนุกดี บรรยากาศชิลๆ ขายอาหารโคตรถูก ลูกค้าก็เลยไม่ค่อยเรื่องมาก 55
ทำผิดก็โอเคเดี๋ยวทำให้ไหม เจ้าของร้านก็ไม่ค่อยมาเฝ้า ตอนทำก็ต้องปิดบัญชีไรงี้ด้วย ลุ้นทุกวัน แต่ส่วนมากก็ลงตัวนะ เงินสดก็นานๆ ขาดสักที ขาดก็สัก 1 เหรียญอะไรอย่างนี้ ก็ออกเอง 55
ได้ทิปด้วยเหมือนกัน แต่น้อยยยย วันนึงสิบกว่าเหรียญเอง ก็ได้วันนึงเกือบร้อยเหรียญ (แต่ทำงาน 12 ชั่วโมงกว่านะ) เราทำร้านนี้ไปสองเดือนครึ่ง แล้วก็ออกเพราะจะกลับไทย ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ใช้คำว่าออกนะ แค่บอกเจ้าของว่าจะไม่อยู่ 55 แต่ก็ไม่ได้กลับไปทำอีกเลย
ส่วนตัวเราคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ก็จะเหนื่อยหน่อย แบบต้องยืนวันหนึ่ง 10 กว่าชม. อ่ะ (นั่งได้นะ แต่ถ้าวันที่ยุ่งก็ไม่ได้นั่งเท่าไหร่) คนร่วมงานก็ดี (โดนด่าเหมือนกันช่วงแรกๆ แต่พักหลังๆ เขาก็ไม่ว่าไรละ) เราค่อนข้างชอบบรรยากาศงานในร้านอาหารนะ มันสดใสดี ถ้าปิดเทอมหน้าร้อนแล้วว่าง เราก็อาจกลับไปทำงานร้านอาหารเหมือนกัน ถ้าทำเราจะทำแค่โฮส/เวท/ แคชเชียร์เท่านั้นค่ะ ไม่เอาแล้วงานในครัว
ดราม่าในร้าน
ส่วนตัวเราไม่เคยเจอเท่าไหร่ คือเราเป็นพวกสายไม่ทะเลาะกับใครอยู่แล้ว แล้วด้วยความที่เราเด็กสุดด้วยไง มันก็ง่าย คนที่เขามีประสบการณ์ หรือแก่กว่าบอกหรืออะไรมาเราก็ ค่ะ ค่ะ ค่ะ อย่างเดียว อ่อนน้อม ถ่อมตนไว้แล้วจะปลอดภัย มีความสุข เชื่อเรา
ข้อเสียร้านนี้คือ ค่าแรงน้อย แต่มันเป็นงานแรกก็เลยไม่อยากเรื่องมาก ก็ทำๆ ไป ตอนนั้นทำประมาณ 12 ชม ต่อวัน ได้แค่เกือบๆ 100 เหรียญซึ่งโคตรน้อยแต่ก็ทำๆ ไป เพราะคนร่วมงานดีมาก เป็นร้านเล็กๆ แล้วก็กินข้าวฟรี (กี่มื้อก็ได้) แต่มาคิดๆ ดูมันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้นนะ ถือว่าดีกว่าไปทำงานพวกขั้นต่ำของเมกาอีก เพราะเขาก็ได้ชม.ละ 8 เหรียญแต่ต้องแบบโคตรเป๊ะ ข้าวก็ไม่ได้กิน เพื่อนเราเคยทำงานห้างฝรั่ง ขนาดไปห้องน้ำยังต้องตอกบัตรออกเลย โคตรโหด
เราว่ามันแล้วแต่ร้าน ถ้าทำร้านใหญ่ๆ คนมันก็เยอะ โอกาสเกิดดราม่าก็เยอะ ปัญหาส่วนมากก็คนไทยทะเลาะกันเอง หมั่นไส้ เหม็นขี้หน้า ฯลฯ ก็ทำใจอ่ะค่ะ ท่องไว้ว่าทำงานเพื่อเงิน เพื่อหาประสบการณ์ มาเรียนรู้อะไรแปลกๆ อย่าไปคิดอะไรมาก อย่าไปผูกพันธ์กับอะไรมาก อย่าเชื่อใจใครมากด้วย ถ้าทนไม่ไหวก็ออกไปหาที่ใหม่ทำ
แต่จากที่เราทำงานมา ทุกงานมันจะมีช่วงยากลำบากด้วยกันหมด โดยเฉพาะช่วงเดือนแรกๆ ลองทนดูก่อนนะคะ ^_^
เตือนไว้นิด เมื่อวันก่อนนั่งคุยกับพี่ที่ร้าน คนนี้ทำร้านอาหารไทยมาเกือบ 10 ปี เขาพูดว่า “คนไม่มีปัญหา ไม่มาอเมริกาหรอก”
อยากไปค่ะ อายุมาก 49 แล้ว ทำอาหารเก่งนะค่ะ ผัดไทยอร่อยมาก มีทั้งผัดไทยธรรมดา กุ้งสด ทะเลกรอบ หมูกรอบ แกงเขียวหวานก้ออร่อย ยำ ส้มตำ ไก่อบ ซี่โครงหมูอบ ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ทำอร่อย จริง ที่อยากไป เพราะเมืองไทยค่าเปิดร้านเองแพงมาก ลุกมือหาอยาก อยู่ไม่ทนอีก เลยอยากไปทำที่ ที่เขามีพร้อม แล้วได้เงินค่าตอบแทนสูงด้วย ได้เที่ยวเมืองนอกกะเขามั่ง
ต้องบอกว่าเราลังเลอยู่นานมากพอสมควร พอได้อ่านบทความมันทำให้มั่นใจขึ้น ส่วนตัวมีบี2 แต่อีกใจว่าจะไปด้วยเอฟ1 คือจุดประสงค์ที่ไปอยากหาเงินเรียนต่อ แล้วหางานทำต่อเลย แต่เราไม่มีเพื่อนหรือใครพอให้คำแนะนำได้ คงต้องหาข้อมูลไปเรื่อยๆ
ขอบคุณมากๆ นะคะ
ชอบเรื่องราวดีๆที่เจ้าของบล็อคเอามาแบ่งปันมากๆค่ะ^^
ขอบคุณนะคะ 🙂
เจ้าของร้านเค้า รับคนทำงานที่โดดวีซ่าด้วยป่ะครับ หรือ พิจารณาอะไรบ้าง เค้าจะถมเราไหมครับ
ขอบคุณสำหรับ แนวคิด มุมมองดีๆครับ
เราเป็นคนนึงที่อยากไปเมกาเพราะเราเบื่อสังคมไทย ซ้ำซาก จำเจ ถูกฝังหัวอยู่แต่เรื่องเดิมๆ การเมืองแบบวนลูป และพลเมืองที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ระเบียบวินัยอะไรไม่มีเลย จราจร ขยะ การขนส่ง อาชญากรรม ฯลฯสวัสดิการก็ไม่ได้ดีอะไรมาก ทุกวันนี้ข้าราชการไทยก็ไม่ใช่ว่าดี ทุกคนหันไปพึ่งประกันชีวิตกันหมด ข้าราชการไทยหลายๆคนต้องหาอาชีพเสริม (ซึ่งเราว่าขรก.เมกันคงไม่ต้องทำงี้55)เพราะเงินเดือนไม่พอแ_ก
อีกอย่างสังคมไทยเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับเปลือกนอกอยู่ คือประเทศไหนก็ให้ความสำคัญกับเปลือกนอกแหละ แต่ที่ไทยนี่มันหนักมากจริงๆ แถมคนไทยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านด้วย ปากไม่อยู่สุข ละเมิดความเป็นส่วนตัวคนอื่นคิดแทนคนอื่น คิดต่างเมื่อไหร่เป็นทะเลาะกันตามด้วยรัฐประหาร -_- การทำงานใน กทม. สมมติเงินเดือน 17,000 ค่าเช่าหอ-คอนโด 4,500+ ไม่รวมค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าบีทีเอส บางทีมันไม่ได้ลำบากน้อยกว่าเป็นฮู้ด ข้อดีคือมันเป็นประเทศที่เราเป็นพลเมืองตามกม.เฉยๆ แต่ถ้ามองหาคุณภาพชีวิตที่ดีมันก็ยากอยู่ ยกเว้นคนที่เกิดมาบ้านรวยอยู่แล้ว หรือจบมหา’ลัยชั้นนำมีบริษัทใหญ่ๆอ้าแขนรับ ซึ่งนั่นมันก็คนส่วนน้อย อีกอย่างตามตจว.มีแต่งานโรงงาน คนที่ดั้นด้นไปเรียนมหา’ลัยไม่มีใครอยากทำงานโรงงานเข้ากะ ทุกคนอยากทำออฟฟิศ ก็ต้องไปกองกันที่กรุงเทพ (อีกแล้ว555)
ถ้าให้เราจินตนาการชีวิตเราในอเมริกาไม่ว่าจะมาด้วยวีซ่าอะไรก็แล้วแต่ ก็คือคนๆนึงที่หนีความน่าเบื่อจากเมืองไทยมาหาความสบายใจในชีวิต พอมีเงินเก็บ ได้ภาษา และทำตัวกลมกลืนไปกับคนที่นี่ ไม่ได้หวังมาถ่ายเซลฟี่อวดชาวโลกหรือเป็นโกลด์ดิ๊กเกอร์ 5555
Ps. เราชอบ blog นี้มากเลย อ่านแล้วไม่รู้สึกกดดันดีอ่ะ
ชอบบทความนี้อ่ะครับ ให้แง่คิดดีจังเลย กำลังตัดสินใจอยู่
เราก็อยากไปมากๆ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น จะกี่เดือนกี่ปีก็เอา ขอให้ได้มีโอกาส..