2 month reflection: ชีวิตในเบิร์กลีย์กับเป้าหมายต่อไป

2 เดือนผ่านไปแล้วกับชีวิตการเรียน การอยู่ และคหกรรม? ในเบิร์กเลย์ ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ คำว่า Berkeley ฝรั่งอ่านว่าเบิร์กลีย์ นะ สระอีไม่ใช่สระเอ แต่เราก็ติดเวลาพูดกับคนไทยเราก็จะพูดว่าเบิร์กเลย์ ฉะนั้นต่อจากนี้ก็อาจใช้สลับๆ กันไป

เป้าหมาย

• เรียนให้ดี เรียนให้ผ่าน
• ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
• กินคลีน!

อันนี้คือเป้าหมายที่เราวางไว้ เป็นสิ่งที่ตั้งใจมาก ว่าจะทำให้ได้ เริ่มจากกินคลีนก่อนแล้วกัน

Eat Clean in Berkeley

ใน Facebook เราจะมี hashtag #คหกรรมที่เบิร์กลีย์ คือเราทำอาหารแบบจริงจังมาก ทำอาหารเป็นหลัก เรียนเป็นรอง 55 พยายามหาสูตรอาหารคลีนๆ มากมายมาทำ ก็รู้สึกดีนะ แบบมีความสุข อร่อย ด้วย

ทุกวันนี้ไม่ถึงกับเป็นมังสวิรัติ แต่ก็ไม่ได้กินเนื้อแบบจริงๆ จังๆ มา 2 เดือนแล้ว มีบ้างที่ออกไปกินข้างนอก แต่ก็ไม่ได้บ่อย…เดือนนึงไม่เกิน 2 ครั้งมั้ง… ขนม เบเกอรี่ก็ทำกินเองหมด แม้แต่อาหารกลางวันเราก็หิ้วไปกินที่มหาวิทยาลัยด้วยนะ ไปนั่งกินในสวนบ้างอะไรบ้าง

เสาร์อาทิตย์นี่ไปจ่ายตลาดแบบฟินมากกกก หิ้วผักใส่ถุงผ้าขึ้นรถเมล์กลับบ้าน

 

 

 

 

 

 

 

 

---

การออกกำลังกาย

เราตั้งใจว่าจะออกกำลังกายให้ได้อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง โดยจริงๆ อยากคาดิโอ้ให้ได้ 3 ครั้ง พิลาทิส 1-2 ครั้งและโยคะไม่นับ เพราะไปบ่อย ตามสภาพความเมื่อยและตารางเวลา แต่จริงๆ ก็ยังไม่ถึงหรอก ช่วงแรกๆ ก็ทำได้นะ แบบไปยิมทุกวัน (ฟิตมากกกก) ช่วงหลังก็เหลือคาดิโอ 2 ครั้ง พิลาทิส 1 ครั้งและโยคะ 1 ครั้ง

เสาร์- อาทิตย์ ทำกับข้าวกับดูละคร 55

พัฒนาการคือ เรา ใกล้ทำ hand stand ได้แล้วนะคะ โดยเอาศอกกับข้อมือลงพื้น หันหน้าเข้ากำแพง แล้วยกตัวขึ้น แต่ยังต้องอิงกำแพงอยู่ ค่อยๆ ทำไปคิดว่าสิ้นปีนี้น่าจะทำได้แล้ว

เรื่องออกกำลังกายถือว่าต้องพยายามกันต่อไปค่ะ :)))

มาเรื่องสุดท้าย คือเรื่องเรียน

เรียกว่าเป็นสิ่งที่กลัวมาก เพราะพื้นฐานเราไม่ดี TT ความรู้สึกคือแบบเด็กเบิร์กเลย์น่ากลัว มันต้องแบบฉลาด อัจฉริยะสุดๆ ดูอย่างรุ่นพี่ที่รร.ม.ปลายเราที่มาเรียนที่นี่ คือแบบ โคตรเก่งแบบมากๆ แล้วเราเคยเจอเด็กที่จบจาก berkeley หลายคน แต่ละคนคือเก่งมากๆ ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด ทั้งดูดี แบบ เห้ย ชีวิตเพอร์เฟคไปป่ะ 55

สรุปคือ ตั้งใจเรียนให้ได้ดีที่สุด เราไม่กล้าคาดหวัง หรือคิดว่าจะได้เท่าไหร่ เพราะแบบ เดาไม่ออกจริงๆ แต่ก็พยายามได้เกิน 3.3 เพราะไม่งั้นจะมีปัญหาตอนเลือกวิชาเอกค่าาา

มาดูวิชาเรียนเราดีกว่า เราเรียน 2 วิชานะ

วิชาที่ลงเรียนคือ Research and Data Analysis in Psychology (การทำ Research + สถิติ + โปรแกรม R) เป็นวิชาที่โหดร้ายมาก เพราะพื้นฐานการทำ Research เราไม่มีเลย (เคยเรียนตอนประถม…ตัวแปรต้น 55) สถิติ เพิ่งเรียนมาเทอมที่แล้วก็จริง แต่มั่วมาก และโปรแกรม R…. คือเราโง่คอม

ซึ่งการสอบมี 3 ครั้งก็ต้องสอบทั้งทฤษฏีการทำวิจัยและสถิติ (พวก Z score/ T-test) และข้อสอบปฏิบัติคือเขียนโปรแกรม…..เหนื่อยยากมากมาย

ยังๆ ยังไม่จบ เรามีการบ้านที่ชื่อว่า Final assignment คือเราต้องเริ่มตั้งแต่หาหัวข้อวิจัย เก็บข้อมูล คำนวณค่าทางสถิติ กราฟโดยใช้โปรแกรม R และเขียน Paper แบบ research paper เลยอ่ะ…. เรานี่แบบ =_= (ก็คือการบ้านเรื่องไอติมนั่นแหละ ที่ให้ทุกคนช่วย)

สุดท้ายก็มี research paper ที่เชื่อถือไม่ได้เป็นของตัวเองฉบับแรก เขียนไป 20 หน้า ต้องมีแบบ Intro / past research review / discussion / limitation ฯลฯ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ พร้อมได้คอมเม้นต์จากอาจารย์มาด้วย

อาจารย์ใจดีด้วยแหละ (หล่อด้วย) อารมณ์แบบหนุ่ม Texas ไรงี้ ดูเป็นคนจริงจังแต่ชิล ~ ประทับใจ 55 (เข้าเรียนแล้วมาจ้องหน้าอาจารย์ก็คุ้มละ)

เกรดก็โอเค เพราะเราแบบตั้งใจมากอ่ะ ตอนแรกๆ เครียดมากด้วย เพราะจับทางไม่ถูกเลย เขียนโปรแกรมก็ไม่เข้าใจตรรกะของมัน….

วิชาต่อมาคือ Language and linguistics ตอนแรกนึกว่าจะชิล แต่ อาจารย์โหดอ่ะ =_=

ก็เรียนเกี่ยวกับหลักภาษาศาสตร์ เป็นวิชาที่ลงแล้ว รู้ตัวว่า…..เราจะไม่เรียนอะไรเกี่ยวกับ Linguistics อีกแล้วอ่ะ โคตรไม่ใช่แนวเลย 55 แต่ก็ได้ความรู้เยอะดีนะ เข้าใจหมดเลยเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับภาษาต่างๆ ว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น อย่างงี้ คำบ่งชี้ประธานมันเกิดขึ้นทำไม ยังไง ฯลฯ กระจ่างเลย

สรุปก็คือ ด้วยเนื้อหาวิชา ไม่ชอบทั้งคู่ 55 แต่ก็ต้องเรียนเพราะมันบังคับ =_= แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี

ทีนี้เรามาดูของเทอม Fall ที่จะถึงดีกว่า เปิดเทอมวันพุธ ตื่นเต้นมากกกกกก

อันนี้ตารางเรียนของเรา ตื่นเต้นอ่ะ แอบกังวลเบาๆ ด้วย

Math 1A คือ แคลคูลัส / สีเขียวคือวิชา physiology / สีฟ้าคือประสาทวิทยา (ระบบประสาท เกี่ยวกับสมอง) / และญี่ปุ่นที่ยังไม่ชัวร์ว่าจะได้ลงไหม เป็นระดับกลาง (จบมินนะเล่ม 4)

ความรู้ม.ปลายไม่ช่วยอะไร เพราะไม่มี 55

สิ่งที่ตั้งใจก็เหมือนเทอมที่ผ่านมาคือ

• ตั้งใจเรียน กินคลีน ออกกำลังกาย

ที่เพิ่มมาคือ

• จะอ่านหนังสือก่อนไปเรียนตามที่อาจารย์บอก “ทุกครั้ง”
• หลังเรียนเสร็จจะทบทวนเนื้อหาที่อาจารย์สอน “ทุกครั้ง”
• จดโน้ตให้เป็นระบบ สวยงามกว่าเดิมอีกนิดนึง

เพื่อชีวิตรอด เราต้องทำแบบนี้แล้วแหละ คนอื่นอาจชิลๆ กับวิชาเรียนของเรานะ แต่สำหรับเราเทอมหน้าคงเป็นเทอมที่ยากที่สุดในชีวิตแล้วอ่ะ พื้นฐานไม่มีเลย TT

ตื่นเต้นด้วยมากๆ ใครเปิดเทอมใหม่ ตั้งเป้าหมายอะไร มาแชร์กันได้นะ ใครที่จะตั้งใจเรียนให้มากขึ้นอีกนิดสำหรับเทอมนี้ มาพยายามไปด้วยกันนะคะ 🙂