Wwoof in Little Forest : เมื่อฉันได้ไปวูฟในฟาร์มคาเฟ่ ณ บ้านนอกญี่ปุ่น

ฟาร์มคาเฟ่ & โฮส

เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เราโชคดีมากที่ได้มีโอกาสไปวูฟที่เมืองเล็กๆ ในจังหวัดนากาโนที่ญี่ปุ่น เมืองที่เราอยู่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูง อากาศเลยค่อนข้างดีตลอดปี จริงๆ เราไม่ได้ดูเรื่อง Little Forest จริงๆ จังๆ สักที จนเราวูฟเสร็จแล้วได้มาเปิดดู เท่านั้นแหละ

….. เห้ย!! นี่มันชีวิตโฮสของเรานี่นา


 

งานทีเราได้ไปทำจะเน้นหนักไปทางร้านคาเฟ่เป็นหลัก (เป็นร้านอาหารเล็กๆ กึ่งร้านกาแฟ) เราเรียกว่า Farm cafe เพราะวัตถุดิบหลายกอย่างโฮสก็เก็บมาจากสวนข้างๆ ร้าน และก็ได้ไปดูแลสวนนิดหน่อย คิดเป็น 60/40 เปอร์เซนต์ ที่จะเน้นไปทางร้านมากกว่า
อีกสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ก็คือโฮสเราถ้าให้บรรยายเป็นภาษาไทย 1 คำ เราก็ขอบอกว่าเป็น “ฮิปสเตอร์” ของแท้เลย

โฮสเราเป็นผู้หญิงที่เก่งมากๆ นึกดู ผู้หญิงคนเดียว ทำร้านอาหารเอง ทำสวนเล็กๆ คนเดียวแล้วก็มีทัศนคติที่แอบแปลก (อธิบายไม่ถูกต้องไปอยู่เองถึงรู้ 55) หรือคนญี่ปุ่นส่วนมากเป็นคนแปลกอยู่แล้วก็ไม่รู้ จนพอเราวูฟเสร็จมีคนญี่ปุ่นมาถามเราว่าที่ไปวูฟมาอะไรที่ประทับใจ เราตอบอย่างไม่ลังเลว่า “โฮสซัง”

ถ้าโฮสเป็นผู้ชายนี่เราจีบไปแล้ว (ใครจะไปวูฟกับโฮสคนนี้อย่าไปบอกเขานะ เขิน //o//) แต่จริงๆ นางแต่งงานไปละ

วันนี้มีเวลาว่าง ก่อนเปิดเทอมวันจันทร์ก็เลยขอมาแชร์เรื่องราวการไปวูฟครั้งนี้ ตั้งแต่การเดินทาง หาโฮส เตรียมตัว และที่คาดไม่ได้ก็คือเกร็ดวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากมายที่เราได้เรียนรู้มา ด้านท้ายเดี๋ยวจะมีแถมเรื่องเล่าที่เราไปเที่ยว คนเดียวในโตเกียวด้วย  อาจเขียนช้าหน่อย เพราะเราเขียนสดค่ะ (มันได้อารมณ์กว่าเขียนค้างไว้ใน word) และแน่นอนว่าไม่มีการค้างโพสไว้แน่ เพราะเราตั้งใจเขียนให้จบก่อนเปิดเทอม

การไปโฮสครั้งนี้ก็คือการให้รางวัลกับตัวเอง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเราแทบไม่ได้เที่ยวเลย ทั้งเรียนและทำงานตลอดเวลา นี่ก็คือของขวัญให้ตัวเอง


แล้วก็เลยมีคำถามว่า Wwoof คืออะไร
Wwoof คือโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสนับสนุนฟาร์ม สวน ออร์แกนิก โดยโฮส (เจ้าของบ้านและเจ้าของฟาร์ม) จะรับวูฟเฟอร์ (หมายถึงคนที่สมัครไป หรือในกระทู้นี้ เราก็คือวูฟเฟอร์) เพื่อเข้าไปแลกเปลี่ยน
โดยวูฟเฟอร์จะทำงานตามที่โฮสบอกเพื่อแลกกับที่อยู่ (ฟรี) อาหาร (ฟรี) และวัฒนธรรม (ฟรี) ค่ะ

เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ wwoofjapan.com ซึ่งโครงการ wwoof ก็มีอยู่หลายประเทศ ที่ทราบคือ เกาหลี นิวซีแลนด์ แคนาดา ฯลฯ สำหรับ Wwoof japan ค่าสมัครคือ 5500 เยนต่อ 1 ปีค่ะ

ตอนนี้เรื่อง wwoof ก็มีพูดถึงมากขึ้นทั้งหนังและหนังสือมากมายค่ะ


เริ่มแรก คือการเลือกโฮส

เป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการไป WWOOF เลย โฮสดีชีวิตดี โฮสไม่ดีหรือเข้ากับเราไม่ได้ พังอย่างเดียว

หลังจากสมัคร wwoofjapan.com แล้ว ก็เข้าไปอ่านและเลือกโฮสได้เลย สิ่งแรกคือถามตัวเองก่อนว่า

  1. ที่ๆ อยากไป
    ทริปนี้ เรามีเวลาไม่เยอะ ตอนแรกกะว่าจะไปสัก 20 วันแต่เราต้องกลับมาเรียนวันจันทร์นี้ แผนเลยถูกเปลี่ยนหมด นากาโนเลยกลายเป็นคำตอบเพราะเดินทางไม่ไกลมาก เป็นเมืองที่เราเคยมาแล้วเราประทับใจ ที่สำคัญคือมีโฮสให้เลือกเยอะดี
  2. งานที่อยากทำ
    ตอนแรกกะจะไป 2-3 โฮส ก็จะสลับทำงานไม่เหมือนกัน แต่ไปๆ มาๆ เหลือแค่คนเดียวก็เลยเลือกงานที่อยากทำที่สุด ส่วนตัวเราอยากทำร้านอาหารญี่ปุ่นมานานแล้ว ก็เลยได้โฮสนี้แหละ ทำ Farm Cafe
  3. ช่วงเวลาที่จะเดินทาง
    สำคัญมาก เพราะบางโฮสจะไม่รับวูฟเฟอร์ในบางเดือน เพราะไม่มีงานให้ทำ

หลังจากนั้นปัจจัยที่ใช้เลือกโฮส เราเลือกจาก รีวิวอย่างเดียวเลย ต้องมีรีวิวและรีวิวต้องดี

นอกจากนี้ก็จะมีอย่างอื่นที่ควรใส่ใจก็เช่น
1. ภาษา
ของเราคืออยากไปฝึกญี่ปุ่นไง ก็หาโฮสที่พูดอังกฤษไม่ได้เลย เอาแบบต้องพูดญี่ปุ่นได้ถึงไปทำได้
2. กินข้าว
เราขอกินกับโฮส เพราะเราทำเองไม่ค่อยได้
3. จำนวนชั่วโมงทำงาน
เราตัดทุกอันที่บอกว่าต้องทำเกิน 6 ชั่วโมงทิ้งไปเลย คือเหนื่อยและขี้เกียจ
4. สมาชิกในบ้าน
ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก คนแก่ ฯลฯ
5. อ่านหน้าที่งานที่ต้องทำดีๆ นะ

ที่สำคัญคืออย่าลืมอ่านว่าตอนนี้เขารับวูฟเฟอร์ไหม แล้วเขารับผญหรือผช ต้องพูดญี่ปุ่นได้ไหม คือโฮสเราบ่นมาว่ามีคนผู้ชายส่งมาบ่อย คนที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้ส่งมาก็เยอะ ทำไมไม่อ่านดีๆ ก่อน

หลังจากตกลงกับโฮสเรื่องวันเวลาแล้ว ก็พร้อมเดินทางละนะ


การเตรียมตัวก่อนไปวูฟ

วันเดินทางใกล้มาถึงแล้ว ตื่นเต้นไหมๆๆๆๆ
เราก็ตื่นเต้นปนมึนๆ 55

ขอเน้นที่ร่างกายก่อน การไปวูฟคือการไปทำงาน (ใช้แรงงาน) แลกที่พักและอาหารพร้อมของแถมคือวัฒนธรรมญี่ปุ่น ฉะนั้น ร่างกายต้องฟิตค่ะ
ใครที่ไปวูฟนานๆ (เกิน 1 อาทิตย์) อยากแนะนำให้ 1 เดือนก่อนหน้าไปเข้าฟิตเนส ไปวิ่ง ไปออกกำลังกายยังไงก็ได้ให้ร่างกายแข็งแรง จะได้วูฟแบบเต็มที่สนุกสนาน

สำหรับผู้หญิง ถ้าเลี่ยงไปวูฟช่วงนั้นของเดือนได้ก็ดีนะ เพราะอย่างเราปกติไม่เคยปวดท้องเมนส์มาก คือปกติเมนส์มาก็ต้องไปทำงาน (ใช้แรงงาน) แต่แค่ปวดหลัง แต่ครั้งนี้อยู่ๆ เราก็ปวดท้องมาก จนต้องกินยาเลย  ปกติไม่เคยกิน

ต่อมาคือข้าวของ
1. เสื้อผ้า
เอาไปไม่ต้องเยอะหรอก 3-4 ชุดก็พอแล้ว พอหมดวันแนะนำให้ซักมือไปเลยเราก็ทำแบบนี้ ถ้าที่ๆ จะไปหนาวก็เอาเสื้อหนาวไปด้วย ส่วนมากแนะนำให้เอาเสื้อแขนยาวกับขายาวไป สีอะไรก็ได้นะ แต่โฮสเราบอกว่าพยายาม “อย่า” ใส่สีดำ เพราะพวกแมลงมันชอบ

  1. อุปกรณ์ประกอบ
    ผ้าพันคอ หมวกกันแดด ถุงเท้า ถุงมือ(ชาวสวน) รองเท้าถ้าเป็นพวกแตะได้จะดีนะ (เราแตะหนีบเลย 55) ครีมกันแดดด้วยก็ดีนะ
  2. ข้าวของเครื่องใช้
    เราเอาพวกแชมพู สบู่ขวดเล็กๆ โลชั่นไปเอง
  3. เงิน
    เราคำนวณรายจ่ายที่คาดว่าจะใช้ + เงินสำรองสัก 3-4 คืน กรณีที่ถูกลอยแพหรือโฮสไม่ดีไรงี้ จะได้มีเงิน มีที่อยู่

รายจ่ายที่ต้องใช้คือ
– ค่าที่พัก ไปถึงญี่ปุ่นคงต้องพักกันก่อน (หรือใครจะตรงดิ่งไปวูฟเลยก็ตามใจ) และก่อนกลับก็คงอยากเที่ยวบ้าง ช็อปปิ้งบ้าง
– ค่าอาหาร ในวันที่ไม่ได้อยู่กับโฮส
– ค่าเดินทาง กด hyperdia เอาแล้วก็ตีไปเกินๆ เพื่อนั่งผิดต้องย้อนกลับมา 55
– เงินสำรอง

ค่าใช้จ่ายของเรา
ค่าที่พัก คืนละ 3000 เยน 3 คืน = 1 หมื่นเยน
ค่าอาหาร  4 วัน = 6 พันเยน
ค่าเดินทาง จากนาริตะเข้าโตเกียว (12002) + เดินทางไปหาโฮส (1500 บัส + 770 รถไฟ + 300 รถบัส)2 + ค่าเดินทางในโตเกียว (1000 ไปหาโฮสแม่ + 2000 เที่ยวในโตเกียว) = 10500 เยน
ค่าสมัคร wwoof = 5500 เยน

รวม = 32000 เยน >> 8700 บาท (ไม่รวมค่าเครื่องบินและช็อปปิ้ง)
แค่ 260 ดอลล่าเอง เราทำงาน 2 วันเองงงง ค่าเงินไทยช่างโหดร้าย TT

  1. ของฝากโฮส (เราไม่ได้เอาไป ลืม =_=)

เราเน้นให้พยายามใช้กระเป๋าใบเล็กๆ ไป ใช้ใบใหญ่เดินทางลำบากมาก เพราะส่วนมากสถานที่ wwoof มันเป็นบ้านนอกต้องต่อรถหลายเที่ยว เครื่องสำอาง พวกเสื้อผ้าแฟชั่นอะไรไม่ต้องเอาไปเยอะหรอก ชีวิตชาวสวนง่ายๆ และชิลๆ (แต่ทำงานจริงจังนะ)

ใครตามอ่านการไป Wwoof ครั้งนี้ตามได้ที่แท็ก #Wwoof ของเราเลยนะ

Advertisement

Comments are closed.

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑

%d bloggers like this: