ชีวิตนักศึกษาตลอด 4 ปี เรามักได้ไปเที่ยวตัวคนเดียวเป็นหลัก มีติดสอยห้อยตามเพื่อนๆ หรือพ่อแม่บ้างนานๆ ครั้ง จะว่าเป็นช่วงชีวิตที่วุ่นวายก็ใช่ ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะเรื่องชีวิต ความสัมพันธ์ ฯลฯ แต่ก็เป็นช่วงที่มีเวลาว่างยาวๆ บ่อยครั้ง (ปิดเทอมไง) เหมาะมากสำหรับการออกเดินทาง
$$$
เงินคงเรื่องหลักสำหรับวัยที่ยังไม่มีรายได้เป็นหลักเป็นแหล่งอย่างเราๆ ใครขอเงินทางบ้านไปเที่ยวได้ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าบางคนที่บ้านไม่ได้มีเงินมากพอที่จะให้ใช้ไปเที่ยวได้ (หรือมีที่อยากไปเยอะ จนที่บ้านเริ่มส่งไม่ไหว) ก็มีวิธีการก็มีดังนี้
ทำงานพาร์ททามเก็บเงิน
ถ้าใครเป็นนักศึกษาแล้วพอแบ่งเวลาได้ แนะนำให้ไปหางานพิเศษลองทำดู ชอบสไตล์ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านอาหารฟาสฟู้ด ก็ลองไปสมัครดู นอกจากจะได้เงินแล้วยังได้ประสบการณ์หลายๆ อย่างด้วย หรือใครมีความรู้ มีความสามารถก็ลองหางานรับแปลเอกสาร สอนพิเศษ ฯลฯ
อย่างส่วนตัวเราก็ทำงานพาร์ททามส์มาตั้งแต่ปี 1 มีที่ไหนรับก็ทำหมดไม่เคยเกี่ยง
ประหยัดตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
ชีวิตนักศึกษาที่มีเงินจำกัด ไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่างที่อยากได้ ก็ต้องตัดใจเลือกสิ่งที่อยากได้ที่สุด ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ค่อยช็อปปิ้งอยู่แล้ว เลยสบายไป 🙂 เครื่องสำอางเดี๋ยวนี้ก็ซื้อน้อยลงแล้ว ค่าหอพัก อพาร์ทเม้นต์ของเราก็ถือว่าถูกเพราะใช้วิธีแชร์ห้องมีรูมเมตเอา ทุกวันนี้อยู่อย่างอบอุ่น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำอยู่กัน 4 คน
ส่วนค่าอาหาร เราทำเอง 3 มื้อค่ะ หิ้วกล่องข้าวไปกินที่มหาวิทยาลัยเป็นชีวิตประจำวัน ที่นี้ก็มีเงินเก็บเหลือเที่ยวแล้ว 🙂
หาสไตล์เที่ยวของตัวเองที่ชอบ
บางคนชอบแนว adventure บางคนชอบหรูหรา บางคนชอบช็อปปิ้ง บางคนเน้นไปแลนด์มาร์คดังๆ ไม่มีวิธีเที่ยวแบบไหนผิดหรือถูก อย่าฝืน บังคับตัวเองให้ไปเที่ยวแนวที่ไม่ชอบเพราะคิดว่าอยากเท่ อยากคูล อยากฮิปสเตอร์ตามกระแส เพราะมันโคตรจะไม่สนุกเลย ส่วนตัวเราเป็นคนชอบเที่ยวธรรมชาติบ้าง ดูชีวิตคนบ้าง ชิลๆ เรื่อยๆ กิจกรรมอย่าหนักมาก (เหนื่อย 55) เรามักเก็บวันไว้เยอะๆ แล้วไปเที่ยวรวดเดียวนานๆ ตอนปิดเทอม เปิดเทอมเราไม่ค่อยเที่ยว ช่วงวันหยุดสั้นๆ ก็ไม่ค่อยไปไหน เราไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ เท่าไหร่
เที่ยวคนเดียวเดินทาง / พักยังไง
เราพัก พวก hostel ที่เป็นหอพักห้องนึง 6-8 คนตลอด พักจนชิน จนโปรแล้ว ถ้ามีหญิงล้วนเลือกแบบนั้น แต่ถ้าไม่มีเราเลือกพักห้องรวมได้ ไม่มีปัญหาอะไร หอพักที่แพงสุดน่าจะเป็นที่นิวยอร์ค/ บอสตันคืนละ 1 พันบาท น้ำตาแทบไหล
ส่วนการเดินทางก็เน้นรถไฟ รถบัสเป็นหลัก เราชอบเดินทางบนบกมาก
จัดกระเป๋าอย่างไร / เอาอะไรไปบ้าง
- กระเป๋า: ปกติเราจะเอาไป 3 ใบคือใบใหญ่ (carry-on) เอาไว้ใส่เสื้อผ้าและของใช้ / กระเป๋าเป้ ใส่โน้ตบุ๊ค น้ำ และเอกสารสำคัญต่างๆ / กระเป๋าใบเล็กๆ เบาๆ เอาไว้ถือเที่ยวในเมือง ตอนเดินทางใส่ในใบใหญ่ไป
- เสื้อผ้า: มาทริปนี้เราลองแบบใหม่คือเอาเสื้อผ้าไปน้อยๆ แต่ซักมือทุกวันระหว่างอาบน้ำ เอาเสื้อผ้าไปสำหรับ 3 ชุด แล้วก็ซักเอาทุกวัน
- รองเท้าแตะ: ไว้ใส่เดินในโรงแรม ไปอาบน้ำ ฯลฯ
- อุปกรณ์อาบน้ำ: สบู่ แชมพู โลชั่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พยายามหาซื้อแบบขวดเล็กๆ หรือพวกเป็นซองๆ ที่แถมตอนเราซื้อขวดใหญ่ก็ได้
- เครื่องเขียน: สำหรับคนที่ชอบเขียนอย่างเรา หาสมุดเบาๆ กับปากกาสีไปก็แจ่มแล้ว
- เทคโนโลยี: มือถือ / โน้ตบุ๊ค / กล้องฯลฯ
- ลูกกุญแจ : สำคัญมาก สำหรับคนที่พักในโฮสเทล เพราะเขาจะมีตู้ล็อกเกอร์ให้ ซึ่งต้องใช้แม่กุญแจของเราเอง
- ยา : พารา / พลาสเตอร์ / ยาแก้ปวดท้อง / ยาหยอดตา / ยาแดง / ยาแก้แพ้ ฯลฯ ใครเป็นโรคอะไร ก็พกไปให้ครบ
- ขนม: ไม่ต้องเอาไปเยอะนะ เพราะมันหนัก ส่วนมากเราพกพวกขนมแห้ง (มะม่วงแห้ง) กับ snack bar ไป
- ของสำคัญ : พาสปอร์ต/บัตรประชาชน บัตรเครดิต เงิน อย่าลืมถ่ายสำเนาเอาไว้ด้วยนะ ทางที่ดีแสกนไว้แล้วส่งไว้ในอีเมลล์อีกต่อนึง
เริ่มต้นเที่ยวที่ไหนดี / เริ่มต้นเที่ยวคนเดียวเมื่อไหร่ดี / เป็นผู้หญิงเที่ยวคนเดียวได้ไหม
ถ้าเรื่องอายุ เราแนะนำให้ 18+ ง่ายๆ คืออย่างน้อยจบมัธยมก่อนก็ดี เพราะถ้าต่ำกว่า 18 จะจองโรงแรม / เดินทาง / เซ็นเอกสารบางอย่างไม่ได้ ส่วนสถานที่เราแนะนำให้เลือกที่ปลอดภัยๆ ก่อน (อย่าเพิ่งไปเริ่มต้นเมืองโหดๆ 55) ของเราเริ่มเดินทางคนเดียวแบบไปเที่ยวก็ตอนอายุ 19 ไป ญี่ปุ่น เกาหลี ง่ายๆ เดินทางสะดวก เมืองปลอดภัย
แต่งตัวยังไงให้เข้ากับอากาศ
เป็นคำถามที่ยากเหมือนกัน เนื่องจากเราใช้ความเคยชินเอาแล้ว เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ตั้งแต่ -20 จนถึงเกือบ 40 เราจะรู้ว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่แต่ละตัวควรเอามาใส่ตอนไหน ใส่กี่ชั้น อย่างไร แต่มีหลักง่ายๆ คือ
- ต่ำกว่า 0 สำหรับเรา เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง 55 เพราะเดินเที่ยวหนาวมาก
สำหรับเสื้อผ้าใส่ก็คือจัดเต็มให้ได้มากที่สุด กางเกง 2 ชั้น เสื้อหนาๆ 2 ชั้น เสื้อหนาว overcoat (ส่วนมากเราใส่ 4 ชั้น) รองเท้าใส่ผ้าใบหรือบูทก็ได้ อุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ถุงมือ/ ผ้าพันคอหนาๆ (พันให้ได้ถึงจมูกจะเริศมาก) / หมวกที่ปิดหูได้ ฯลฯ - 0-10 ‘C ถือว่าไม่โหดมากสำหรับเรา พอเดินเที่ยวได้บ้าง แต่เดินไปสักพักก็แอบหนาว เราจะใส่กางเกงหนาๆ เช่นยีนส์แค่ตัวเดียว (แต่มาทริปนี้ซักผ้าด้วยมือ เลยไม่ใส่ยีนส์ มาใส่กางเกงผ้าก็ไหวนะ แต่ใส่เลกกิ้งหนาๆ ไว้ข้างในอีกชั้น) เสื้อเป็นเสื้อยืดธรรมดา 2 ชั้น แล้วก็เสื้อหนาวแบบที่ใส่ของต่ำกว่า 0 องศาอีก 2 ตัว (ส่วนตัวเราชอบใส่มันด้วยกัน) 55 มีผ้าพันคอ 1 ผืนแค่พันคอเฉยๆ ไม่ต้องปิดหน้า ใส่ผ้าใบเดินชิลสุด มีหมวกด้วยเพราะผมยุ่ง 55
- 10-20 เป็นอากาศในฝันมาก คือสบายๆ ใส่เสื้อ 1-2 ชั้นกับเสื้อหนาว 1 ตัวก็พอแล้ว กางเกงชั้นเดียวก็ไหว ผ้าพันคอแล้วแต่ หมวกไม่ต้อง รองเท้าผ้าใบหรือคัชชูก็ได้
- 20-30 อุ่นๆ เสื้อ 1 ชั้นกับเสื้อหนาวก็พอ กางเกงโปร่งๆ จะใส่รองเท้าแตะก็พอไหว หาหมวกกันแ
> - 30++ คือร้อน ขาสั้น เสื้อยืดชิลๆ รองเท้าแตะ หมวกบังแดด พอ
ความปลอดภัยสำคัญที่สุด
ไม่ว่าจะเที่ยวยังไง ใช้ common sense เยอะๆ มีสติตลอด รู้ตัวว่าไปไหน ทำอะไร อยู่กับใคร อยากสนุกได้ แต่ต้องระวังตัว เพราะถ้ามันเกิดอะไรขึ้นโคตรไม่คุ้ม เวลาเดินทางไม่ต้องใส่หูฟัง (เก็บไว้ที่โรงแรมเลย) ไว้ใส่ตอนขึ้นเครื่องบิน หรือรถไฟข้ามเมืองอย่างเดียว เพราะเราไปต่างถิ่นเราไม่รู้อ่านรีวิวเยอะๆ ถึงสถานที่ที่เราไป ว่าปลอดภัยแค่ไหน ที่ไหนไปได้ ที่ไหนไม่ควรไปตอนกลางคืน ย่านไหนอย่าไปเลยดีกว่า ฯลฯ
สุดท้าย Life is such a journey
ชีวิตคือการเดินทาง
ไม่มีคำว่าเร็วหรือสายเกินไปสำหรับการออกเดินทาง
You must be logged in to post a comment.