*** เราสัมภาษณ์ 2 ครั้ง คือกับสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย และจากมหาวิทยาลัยที่เราสมัคร
รอบสถานทูต
เมื่อรู้ตัวว่าติดรอบสัมภาษณ์ ซึ่งสถานทูตจะคัดเลือกคนเกินมา 3 เท่ากว่าๆ อย่างปีเรารับแค่ 5 คนมีคนติดเข้ามาสัมภาษณ์ตั้ง 17 คน โดย สัมภาษณ์เป็นอังกฤษ / เกาหลีหมดนะ
การแต่งกาย
ใส่สูทไปเลย ปีเรา คนที่มาสัมภาษณ์ใส่สูทเกือบทุกคน และกรรมการก็ใส่สูทเช่นกัน
ใส่สูทยังไง (เราไปเทรนการใส่สูทมาจากญี่ปุ่น บอกได้เลยว่าเป๊ะไม่แพ้ใคร 55)
- ท่อนบนแนะนำให้เป็นเสื้อสีขาว อาจเป็นเสื้อเชิ้ต เสื้อ Brouse อะไรก็ได้ ถ้าเป็นคนเหงื่อออกง่าย ใส่เสื้อซับไปด้วยก็จะดีน้า
- กระโปรงดำทรงกระสอบ (เราเอากระโปรงนศ.มาใส่)
- สูทดำ (ถ้าให้เป๊ะ คือลายผ้าและสีผ้าของสูทต้องเหมือนกับกระโปรง)
- ใส่ถุงน่องไปเหอะ แม้กรรมการอาจไม่มองลงมาถึงขา 55 ถุงน่องสีเนื้อนะ
- รองเท้าคัชชูสีดำ
- คนผมยาว แนะนำให้มัดผมให้เรียบร้อย คนผมสั้น ปล่อยผมก็ได้ แต่แนะนำให้เปิดหน้า จะถักเปียเบาๆ หรือติดกิฟต์ก็ได้ ให้เขาเห็นหน้าเห็นตาเราชัดเจน
คำถามรอบสัมภาษณ์ (ที่เราโดนถาม)
- เคยสมัครทุน KGSP ไหม
- ทำไมเลือก Korea U อันดับ 1
- ทำไมถึงอยากไปเรียนที่เกาหลี ทำไมไม่ไปอเมริกา
- อะไรทำให้สนใจเกาหลี
- พูดเกาหลีได้ไหม ได้แค่ไหน
- อนาคตอยากทำอะไร
- อยากทำอาชีพนั้นที่ไหน
- ทำไมเลือก Korea U เหนือม.โซล (เราเลือก ม.โซลไว้อันดับ 2) << สังเกตว่าข้อนี้ซ้ำกับคำถามที่ถามไปแล้ว
คำถามอื่นๆ ที่เราไม่โดน (แต่คนอื่นเคยโดน)
- คิดยังไงกับ K-Pop
- ถ้าไม่ได้ทุนจะทำอะไร
- การปรับตัวในตปท โฮมซิก ภาษา
- ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น จีนต่างกันยังไง
- ข้อดีข้อเสียของเกาหลีคืออะไร
- คิดว่าไปอยู่เกาหลี อะไรคือสิ่งที่ยาก
- พวกคำถามถ้า (สถานการณ์ต่างๆ) จะทำยังไง เช่นแม่ป่วยในวันที่มีสอบจะทำยังไง ถ้ามีคนมาบอกไม่ชอบคุณ คุณจะทำยังไง ทะเลาะกับเพื่อน ฯลฯ
- ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมเกาหลี
- ข้อดีข้อเสียของตัวเอง
- ทำไมเราต้องเลือกคุณ คุณดีกว่าคนอื่นยังไง
เทคนิก
- อ่าน Essay ให้ดีแล้วตอบให้ตรง เราว่าอันนี้สำคัญกว่าตอบให้ดีอีก 55 เพราะเรารู้สึกเหมือนในมือกรรมการถือ Essay เราอยู่แล้วก็ถามจากในนั้น (ทั้งๆ ที่คำตอบของเราเกือบทุกข้อ เขียนอยู่ใน Essay แล้ว) ฉะนั้นตอบให้ตรง แล้วค่อยขยายความต่อ
- ถ้ากรรมการถามคำถามคล้ายๆ กัน อย่าลอกคำตอบก่อนหน้ามาตอบ ให้หามุมมองใหม่ๆ มาเสนอ เขาจะได้ข้อมูลกับเรามากขึ้น
- สังเกตได้ว่าคำถามแต่ละข้อ มันสามารถตอบเป็นคำๆ สั้นๆ ก็ได้ เช่น อยากทำงานที่ไหน ตอบสั้นก็ทีไทยค่ะ แต่ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ เราจะทำอย่างนั้นไม่ได้ เราต้องอธิบายไปว่าทำไมถึงอยากมาทำที่ไทย การกลับมาทำที่ไทยดียังไง (ทั้งต่อตัวเรา และสาขาอาชีพนั้น)
- เราเลือกเดินแบบเซฟๆ คือไม่เผยความติ่งใดๆ แม้ว่าส่วนลึกของจิตวิญญาณจะติ่งแบบจริงจังมา 10 ปีแล้วก็ตาม 55
- ลองดูคำถามจากพวกปีก่อนๆ แล้วก็เตรียมคำตอบไปว่าจะตอบแนวไหน เราคิดแค่คร่าวๆ ไปแล้วก็ด้นสดมันตรงนั้นเลยจ้า
- ตอบยาวๆๆๆ ยิ่งเราตอบยาวเท่าไหร่ เราก็จะได้ตอบคำถามน้อยลงเท่านั้น และโอกาสได้คำถามประหลาดๆ ก็จะน้อยตามไปด้วย 555
- เราไม่เจอคำถามประหลาดๆ ยากๆ เลย ทุกข้อที่เขาถามเราเขียนอยู่ใน Essay ทั้งหมด (เดินออกจากห้องสัมภาษณ์คืองงมาก ว่าเขาถามทำไม555)
- พยายามเอาพลังบวก ความสดใสออกมาเยอะๆ เชื่อเรา พลังดีๆ แบบนี้มันส่งต่อถึงกันได้
- สติสำคัญมาก ใจเย็นๆ ถ้าไม่เข้าใจ ฟังไม่ชัด ขอให้เขาทวนใหม่ได้ พูดช้าๆ ชัดๆ จะดีมาก
รอบมหาวิทยาลัย
เราสมัคร 3 ที่เลือกคณะเดียวกันคือ GSIS คือ Korea University, Seoul National University และ Yonsei University (เรียงแบบนี้เลย เป็นการเรียงที่แปลกมาก 555)
Yonsei ติดต่อมาที่แรก ขอให้ส่งสำเนาพาสปอร์ต และกรอกใบสมัครเพิ่มเติม
KU ไม่เคยติดต่ออะไรมาเลย แบบเงียบกริบมากกก จนถึงวันประกาศผล
ที่เดียวที่ติดต่อมาขอสัมภาษณ์คือ SNU ซึ่งก็มีการนัดเวลาล่วงหน้า คำถามที่โดนคือ
- ทำไมถึงเลือก KU อยู่เหนือ SNU (ช็อกตั้งแต่คำถามแรกเลยไง แล้วชั้นจะตอบยังไง)
- ทำไมถึงเลือก SNU
- อะไรทำให้สนใจเกาหลี
- ถ้าได้เรียนที่ SNU จบไปมี Goal อะไร
- สนใจทำ research ด้านไหน
- ถามเช็คประวัติการเรียนนิดหน่อย
สุดท้าย คนสัมภาษณ์บอกว่า ถ้าได้เรียนที่ม.โซล ต้องขยันมากๆ นะ สัมภาษณ์กันอย่างงี้ก็ได้หรอ 555
ภาษาอังกฤษพอฟังได้ แต่เสียงไม่ค่อยชัด น่าจะเพราะบ้านเราหรือไม่ก็มือถือเราสัญญาณกาก
***** แต่ละมหา’ลัย และแต่ละคณะ ก็มีสัมภาษณ์ หรือไม่มีสัมภาษณ์นะ ไม่เหมือนกัน ******
[โพสอื่นๆ เกี่ยวกับ KGSP]
[ทุน KGSP] เขียน Essay สมัครทุนเกาหลีให้โดน 1 – Personal Statement