ถึงความเหงา และแซลม่อนที่โดดเดี่ยวในวันอาทิตย์

ในช่วงวันหยุดยาวและไม่ได้ไปไหน บางครั้งมันก็เป็นโอกาสให้กลับมาทบทวนมองตัวเองอีกครั้ง ถึงปัจจุบันและอนาคต

ช่วงปีสุดท้ายของการ (ใกล้) เรียนจบ คำถามเดิมๆ ข้อสงสัยเดิมๆ ถึงการหางานก็จะมาวนเวียนในใจบ่อยเป็นพิเศษ จะหาได้ไหม จะทำที่ไหน เราจะโอเคไหม ไปจนถึงเงื่อนไขสารพัดพันอย่าง มีความต้องการ และความไม่มั่นใจฟุ้งลองอยู่ในนั้น

บ่ายวันอาทิตย์ แซลม่อนที่หยิบลงมาจากช่องฟรีสตั้งแต่เช้าหายเย็นแล้ว เราค่อยๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมลงทอดในกระทะ เราไม่เคยเอานาฬิกามาจับ แต่เรารู้ว่า 1 วันของเราหมดไปไม่น้อยกับการวนเวียนในครัว

ครัวคือพื้นที่ที่แสนสงบสุข เป็น personal space ที่กลายมาเป็นเงื่อนไขว่าต่อจากนี้ เราจะอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีครัวเป็นของตัวเอง

เราจับดูชิ้นปลาให้แน่ใจว่าไม่มีก้างหลงเหลือ ตั้งกระทะ เปิดไฟกลางจนกระทะร้อน แล้วค่อยๆ หย่อนเนื้อปลาลงไปเรื่อยๆ จนครบ เฝ้ารอฟังเสียง และรอเวลา ที่เนื้อปลาจะค่อยๆ เปลี่ยนสี เสียงที่ทอดยิ่งกรุบกรอบ ตามน้ำมันจากปลาที่ถูกรีดออกมา

เราชอบกินปลาแซลม่อนทอดแบบแห้งๆ และไม่มัน นั่นหมายความว่าเราต้องปล่อยให้มันนอนอยู่ในกระทะนานๆ จนกว่าน้ำมันจะออกมาหมด

เราเปิดทวิตเตอร์ ระหว่างเฝ้ามองปลาในกระทะ เจอทวิตหนึ่งพูดถึงการเดินทาง และความเหงา ว่าปีนี้เขาเดินทางคนเดียวบ่อยที่สุด เหงาก็เหงา แต่กลับน้อยกว่าที่เคย จนเริ่มสงสัยว่าตัวเองเริ่มชินกลับความเหงาไปแล้วหรือเปล่า

มองกลับมาหาตัวเราเอง…..

เหงาที่สุด น่าจะช่วงปีแรกๆ ที่ไปอยู่อเมริกา โดยเฉพาะ 2 ปีแรกที่ไปอยู่เมืองที่มี 4 ฤดูชัดเจนอย่างบอสตัน เราจะเซนซิทีฟมากเป็นพิเศษช่วงฤดูหนาว ที่มองทางไหนก็มีแต่ฟ้าหม่นๆ กับตึกอิฐน้ำตาล เทาๆ เหงาๆ และ 5 เดือนใน 1 ปีที่หิมะตก ยิ่งทำให้ฤดูหนาวยาวนานเป็นพิเศษ

เราดีขึ้นเมื่อมาอยู่ซานฟราน หน้าหนาวที่นี่อาจดูหม่นบ้าง แต่ไม่หดหู่เท่าบอสตัน การเติบโตของตัวเราข้างในทำให้ความเหงามันลดทอนลงไป…. ไม่กล้าพูดหรอกว่าไม่เหงา หรือไม่ depress แต่อย่างน้อย เราก็รู้ว่า เราควรรับมือกับมันยังไง

จากอเมริกา มาเกาหลี เราเตรียมใจไว้ระดับหนึ่งกับอาการหดหู่หน้าหนาวของตัวเรา แต่กลับแทบไม่มี ในโลกของความกังวลล้านแปด ไม่ได้มีความหดหู่ เหงา อ้างว้าง หรืออารมณ์หม่นๆ มากวนใจเลย

จนตอนนี้ ถ้าถามถึงความเหงา กับเรามันก็เป็นเหมือนเพื่อนเก่า ที่ ณ ขณะหนึ่งของชีวิต เคยรู้จัก เคยสนิท แต่ต่างคนก็ต่างเติบโตและแยกย้ายกันไป มาวันนี้เราก็เหมือนเป็นคนแปลกหน้า

หากให้อธิบายความเหงา ณ ตอนนี้ สำหรับฉัน คงเป็นเพืยงเรื่องเล่าจากความทรงจำ อันแสนไกล เหมือนให้เล่าเรื่องมหา’ลัย สักเรื่อง มากกว่าจะเล่าถึงความรู้สึกที่เป็นปัจจุบัน

ในช่วงที่ทรมานแทบตาย และผ่านมาได้ (ย้ำว่าต้องผ่านมาให้ได้ก่อน) เมื่อมองย้อนกลับไป อย่างน้อยก็ดีที่เคยรู้จัก เราจะได้เข้าใจว่ามันคืออะไร เรื่องที่เคยเจอกับตัว มันย่อมลึกซึ้งและชัดเจน มากกว่ารับรู้ผ่านตัวอักษร หรือการเล่าผ่าน

ฉันยังไม่เคยเจอคนมาปรึกษาเรื่องความเหงา หรืออาจเพราะคนรอบตัวฉันไม่มีใครขี้เหงา แต่ถ้าให้บอก ก็อยากให้มองว่ามันคือเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ต้องวิ่งหนี ไม่ต้องรังเกียจ รับรู้ และปล่อยไป และฉันก็เชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าเรารู้สึก comfortable กับชีวิตตัวเองเท่าไหร่ ความเหงาและอารมณ์ลบๆ อื่นๆ ก็จะเบาบางลง

น้ำมันจากปลาแซลม่อนออกมาเยอะแล้ว พร้อมกับปลาที่เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ ได้เวลาปิดไฟแล้วยกลง

การทอดปลาในคอนโดนั้นจะติดปัญหาเรื่องกลิ่นบ้าง ฉันเปิดประตู เปิดหน้าต่าง เปิดที่ดูดควันไว้ตั้งแต่เริ่ม

ให้สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเอาหมอกควันและทุกอย่างออกไป

แด่การโรยราที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ฉันหวังว่าฉันจะหนักแน่น และมีพลัง จนผ่านไปพบกับสายลมอุ่นและการเกิดใหม่ของฤดูใบไม้ผลิปีหน้า

Advertisement

Comments are closed.

Create a website or blog at WordPress.com

Up ↑

%d bloggers like this: